ปี’63 โฮมโปรคว้ารายได้ 61,748 ล้าน เรื่องใหม่โผล่ลงทุน “เวียดนาม”

โฮมโปร
แฟ้มภาพ

HMPRO เผยผลประกอบการปี 2563 มีรายได้ และกำไรสุทธิ 61,748.99 ล้านบาท และ 5,154.70 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.35% และ 16.54% ตามลำดับ เป็นผลมาจากการแพร่ระบาด COVID-19 และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ล่าสุด ขยายตลาดไปสู่กลุ่ม CLMV โดยเข้าลงทุนในบริษัท Home Product Center Vietnam Company Limited เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนาม
 
นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2563 ว่า  มีรายได้และกำไรสุทธิจำนวน 61,748.99 ล้านบาท และ 5,154.70 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 8.35% และ 16.54% ตามลำดับ

ซึ่งผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียเมื่อเทียบกับปี 2562 มีปัจจัยหลักมาจากการปิดสาขาในช่วงไตรมาส 2/63 และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง แม้ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้น แต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบด้านผลประกอบการของสาขาที่ปิดไปได้

คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล

ปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีรายได้ลดลง ซึ่งประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 58,346.77 ล้านบาท ลดลง 4,699.46 ล้านบาท หรือ 7.45% ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมที่ลดลงของธุรกิจโฮมโปร เมกา โฮม และ โฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปิดสาขาชั่วคราวในประเทศไทยและมาเลเซีย

รายได้ค่าเช่า จำนวน 1,527.16 ล้านบาท ลดลง 679.92 ล้านบาท หรือ 30.81% เป็นผลมาจากการปิดร้านค้าเช่าที่อยู่ในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ และการลดค่าเช่าในพื้นที่สาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ รวมถึงการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo ในไตรมาส 1/63

บริษัทมีรายได้อื่น 1,875.06 ล้านบาท ลดลง 245.35 ล้านบาท หรือ 11.57% มาจากการลดลงของการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในสาขา การยกเลิกการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในงาน HomePro Expo ในไตรมาส 1/63

บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าและการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 14,748.51 ล้านบาท ลดลง 1,472.80 ล้านบาท หรือ 9.08% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงจาก 25.73% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 25.28%

ทั้งนี้ โฮมโปร มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 10,964.70 ล้านบาท ลดลง 980.16 ล้านบาท หรือ 8.21% เมื่อเทียบกับปีก่อน และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับลดลงเล็กน้อยจาก 18.95% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 18.79% สาเหตุหลักมาจากการยกเลิกการจัดกิจกรรม HomePro Expo รวมถึงการลดลงของค่าใช้จ่ายผันแปรและค่าใช้จ่ายคงที่

ในปี 2563 ได้เปิดสาขาใหม่ 2 สาขาที่ รังสิตคลอง 4 และสุขสวัสดิ์ ทั้ง 2 สาขาอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ และยังมีกำลังซื้อ ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนสาขา แบางเป็นโฮมโปร 86 สาขา โฮมโปรเอส 9 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา และโฮมโปรมาเลเซีย 6 สาขา

นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการแสวงหาโอกาสต่างๆ ในธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในบริษัท Home Product Center Vietnam Company Limited เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศเวียดนาม อีกด้วย

นายคุณวุฒิ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ซึ่งเกิดจากสถานการณ์ ไวรัสโคโรนา 2019  โฮมโปร ได้ให้ความร่วมมือและดำเนินการสอดคล้องกับมาตรการและคำสั่งของหน่วยงานรัฐอย่างเต็มที่ โดยมีการปิดบางสาขาชั่วคราวในส่วนของโฮมโปรและเมกาโฮม ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 ถึง 16 พฤษภาคม 2563 และกลับมาเปิดครบทุกสาขาในวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 ตามมาตรการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แต่ยังคงจำกัดเวลาทำการ

ภาพรวมในปี 2564 บริษัทสามารถรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากการเกิดชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่ยังมีความต้องการจับจ่ายใช้สอย และรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ได้อย่างทันท่วงที ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงระบบขนส่งสินค้าและบริการภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Same Day Delivery) ยกระดับความรวดเร็วในการจัดส่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกรับสินค้าที่สาขา (Click and collect) ได้เช่นกัน

“ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสะดวกยิ่งขึ้นลูกค้าสามารถเลือกช็อปออนไลน์ Shop4U และช็อปผ่านแอพพลิเคชั่น HomePro Application และ Home Service Application เพื่อตอบโจทย์ความต้องการบริการที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านและคอนโด” นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้าย