“ซิโน-ไทย” พ้นบ่วงคดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม เร่งฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน

ยกภูเขาออกจากอก “ภาคภูมิ ศรีชำนิ”เอ็มดีซิโน-ไทยตั้งโต๊ะแถลงพ้นบ่วงคดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม 20 ล้าน หลัง ป.ป.ช.มีมติไม่สั่งฟ้องเอกชนฐานสนับสนุน ยันแค่รับงานโยธาเท่านั้น ก่อนพรั่งพรูความในใจ ไม่สบายใจ กระทบครอบครัวสะเทือนความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้น กองทุนไม่ลงทุน

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564 นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซิโน- ไทยเอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น แถลงข่าวกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติไม่ฟ้องเอกชน 4 ราย

ในคดีชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชนร่วมกันเรียกรับเงินสินบนจำนวน 20 ล้านบาท จากบริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด หรือ MHPS เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช เพื่อลำเลียงขนถ่ายชิ้นส่วนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยมิชอบ

ไล่เรียงก่อนป.ป.ช.ไม่ฟ้อง

โดยนายภาคภูมิชี้แจงว่า คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเอกชน 3 รายในฐานะสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับสินบน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 86 ประกอบด้วย บมจ.ซิโน-ไทยฯ, นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทยฯ และนายราเกส กาเลีย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการส่วนงานปฏิบัติการ บมจ.ซิโน-ไทย เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือแจ้งผลมาแล้วว่า มีมติไม่ฟ้องในที่สุด

นายภาคภูมิไล่เรียงเรื่องราวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556-2557 เมื่อบมจ.ซิโน-ไทยเข้าไปรับงานโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยรับผิดชอบในส่วนของงานโยธา ขณะที่ บจ.มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ (MHPS) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นรับจ้างด้านการติดตั้งเครื่องจักรในโรงไฟฟ้า

ส่วนคดีสินบน ป.ป.ช.แจ้งเมื่อปี 2558โดย ป.ป.ช. อ้างว่า บริษัทของญี่ปุ่นนำเข้าเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่ท่าเรือขนอมเกินจะรับได้ จึงมีการสมคบการจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพื่อให้เรือที่มีขนาดใหญ่กว่าท่าเรือเข้าเทียบท่าได้ ซึ่ง บมจ.ซิโนไทย เป็นผู้รับจ้าง และถือเป็นผู้สนับสนุนให้รัฐรับสินบน

จากนั้น ช่วงปลายปี 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีประกาศแจ้งให้ทราบ ต่อมา เดือน ม.ค. 2562 มีหนังสือมาถึงตนและนายราเกซให้ไปให้ข้อมูล โดยตัวเองได้เดินทางไปให้ข้อมูลเมื่อ 20 ก.พ.2562

ถัดมา เดือนมิ.ย. 2562 ป.ป.ช.มีหนังสือถึงเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยส่งถึงบ้าน ทำให้ครอบครัวมีความวิตกกังวล โดยมีการชี้แจงข้อหาต่างๆกลับไป แต่มีโอกาสชี้แจงข้อกล่าวหาครั้งเดียว จนวันที่ 13 พ.ย. 2562 ป.ป.ช.จัดแถลงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรณีอย่างเป็นทางการไปทั้งประเทศ

“พอรับทราบถึงข่าวดังกล่าว จึงได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ทุกอย่างที่ทำทำอย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ พร้อมกับยืนยันว่า ไม่รู้เห็นเรื่องสินบน หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบหายไปนาน มีเพียงข่าวไม่เป็นทางการจากสื่อบางแห่งว่า อัยการสูงสุดมีความเห็นไม่สั่งฟ้องซิโน-ไทยนะ เพราะข้อมูลหลักฐานต่างๆยังไม่สมบูรณ์ แต่ไม่เคยมีการแจ้งให้ซิโน-ไทยรับทราบโดยตรงเลย ซึ่งเรารู้สึกไม่สบายใจ” นายภาคภูมิกล่าวและว่า

ป.ป.ช.สั่งไม่ฟ้อง 22 ก.พ.64

สุดท้าย ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 มีหนังสือแจ้งจำนวน 3 ฉบับ แจ้งบมจ. ซิโน-ไทยฯ 1 ฉบับ นายภาคภูมิ 1 ฉบับ และนายราเกซ 1 ฉบับว่า การไต่สวนข้อเท็จจริงผู้ต้องสงสัย 7 คนทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อหน้าราชการ

กรณีร่วมกันเรียกและรับเงินจากบริษัทรับว่าจ้างโรงไฟฟ้าขนอม เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีหลักฐานไม่สมบูรณ์พอที่จะฟ้องอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ,157 ประกอบมาตรา 86 ได้ จึงถือว่าคดีนี้จบสิ้นโดยสมบูรณ์

ยอมรับเอฟเฟกต์แรง

แม้จะหลุดจากการถูกฟ้องคดีอาญา แต่ยอมรับว่า บริษัทได้รับผลกระทบพอสมควร โดยบริษัทแม้จะไม่โดน Blacklist ห้ามประมูลงานราชการ แต่ ซิโน-ไทย ก็ถูกสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) งดเว้นการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน CORPORATE GOVERNANCE REPORT OF THAI LISTED COMPANIES (CGR) เป็นเวลา 2 ปี เพราะติดข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช.

“ทำให้กองทุนสถาบันการเงินบางสถาบันไม่ลงทุนจนกว่าจะพ้นจากข้อกล่าวหานี้ได้ และจะทำให้ผู้ถือหุ้นบางส่วนเทขายหุ้นของซิโน-ไทยด้วย และเมื่อมีผู้ขายหุ้นเราออกไป ราคาหุ้นก็ตก กระทบกับผู้ถือหุ้นของซิโน-ไทยอีก”

มีผลต่อจิตใจ-ครอบครัว


“ในส่วนตัวก็ยอมรับว่า เรื่องนี้มีผลต่อจิตใจ ผมทำงานมา 30-40 ปี ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ จู่ๆส่งจดหมายไปที่บ้าน คนที่รู้ก่อนใครคือที่บ้านผม ไม่ใช่ตัวผมด้วย ทำให้ขวัญกำลังใจครอบครัวเสียไป มีหนังสือถึงซิโน-ไทยว่าพัวพันทุจริต ในสังคมคู่ค้า-ผู้ถือหุ้นก็ลังเลไม่สบายใจมาก ซึ่งเราก็ยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกอย่างโปร่งใสและไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับการทุจริตครั้งนี้ คงทำได้แค่นี้ เพราะระหว่างทางก็ไม่มีอะไรออกมาเลย บอกตรงนี้เลยว่า ผมไม่สบายใจอย่างมาก และหนักใจในเรื่องความเป็นห่วงผู้ค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงานโดยตลอด”นายภาคภูมิกล่าวทิ้งท้าย