“ท่าเรือ” ต่อสัญญา ปตท. เช่าที่ “คลังน้ำมันพระโขนง” 15 ปี โกยรายได้ 100ล้าน/เดือน

“การท่าเรือ” ต่อสัญญาเช่าที่ดิน “คลังน้ำมันพระโขนง-บางจาก” อีก 15 ปี หลัง ปตท. เปลี่ยนมือสู่ OR คิดรายได้ 100 ล้าน/เดือน ด้าน OR แย้มที่ดินมีศักยภาพอาจต่อยอดการพัฒนาในอนาคต

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินบริเวณคลังพระโขนง-บางจาก สำนักงานและคลังน้ำมัน อาคาร และเขื่อนเทียบเรือบริเวณปากคลองบางจากและปากคลองเจ๊ก กับ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR)

ต่อสัญญาเช่า 15 ปี

เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผอ.กทท. กล่าวว่า การลงนามวันนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 เป็นระยะเวลา 15 ปี เป็นความร่วมมือในการใช้พื้นที่กทท. ในการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

เพื่อรองรับความต้องการพลังงานของผู้บริโภคในเขตภาคกลาง เสริมสร้างความมั่นคงต่อเนื่องสอดคล้องตามนโยบายรัฐบาล ตลอดจนเป็นศูนย์กลางพลังงานของประเทศไทย โดย กทท.จะได้รับค่าเช่าเดือนละกว่า 100 ล้านบาท ส่วนตัวเลขที่เป็นทางการต้องรอฝั่ง ปตท. ประชุมผู้ถือหุ้นให้ได้ข้อสรุปที่เป็นทางการก่อน

ถ่ายโอนจากปตท.สู่ OR

“พื้นที่ดังกล่าวเป็นคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ ซึ่งเดิม บมจ. ปตท.เป็นผู้เช่าพื้นที่ ระยะเวลาสัญญา 5 ปี  เมื่อ ปตท.ได้แยกธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาเป็น OR จึงมีการมอบโอนการเช่าพื้นที่ดังกล่าวให้ OR ดำเนินการ “

ซึ่งคณะกรรมการ (บอร์ด) กทท.ได้มีการพิจารณาการให้เช่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นสัญญาระยะยาว 15 ปี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศมากขึ้น โดยพื้นที่เช่าประกอบด้วย บริเวณคลังพระโขนง-บางจาก สำนักงาน เนื้อที่จำนวน 41,344 ตร.ม. และคลังน้ำมัน อาคาร และเขื่อนเทียบเรือบริเวณปากคลองบางจากและปากคลองเจ๊ก เนื้อที่จำนวน 3,500.75 ตารางวา รวมพื้นที่ทั้งหมด 44,844.75 ตารางวา

ใช้เก็บน้ำมัน-ปิโตรเลียมไปก่อน

ด้านนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) กล่าวว่า OR จะยังคงใช้คลังพระโขนง-บางจากเป็นคลังปิโตรเลียมหลักด้านน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเจ็ต และ LPG ตามเดิมไปก่อน

และจะทำให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บและกระจายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ความร่วมมือกับ กทท.ในการเช่าพื้นที่ระยะยาวจะสร้างความมั่นคง ซึ่งเป็นการโอนคู่สัญญาจาก ปตท.มาเป็น OR ซึ่งเป็นผู้ทำธุรกิจน้ำมันในกลุ่ม ปตท. โดยพื้นที่หลักเป็นการจัดเก็บคลังปิโตรเลียม

แย้มอาจมีแผนพัฒนาพื้นที่

“บริษัทยังมีธุรกิจ Non-Oil ด้วย ในอนาคตอาจจะพัฒนาพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันด้วย โดยจะดำเนินการให้สอดคล้องกับสัญญาเช่า”

คาดเปลี่ยนผ่าน EV อีก 15 ปี

ส่วนทิศทางพลังงานที่จะปรับไปเป็นพลังงานไฟฟ้าหรือEVในอนาคตนั้น คาดว่าระดับนโยบายของประเทศใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งภายใน 15 ปีทาง OR และ กทท.จะมีแผนพัฒนาร่วมกันเพื่อให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่มากกว่าเป็นคลังปิโตรเลียม

ขณะที่บริษัท และ กทท.จะมีการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคสังคม โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบด้านสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมรอบพื้นที่อีกด้วย