‘เนาวรัตน์พัฒนาการ’ เทิร์นอะราวนด์ ตุนเมกะโปรเจ็กต์ 3 หมื่นล้าน

พลพัฒ กรรณสูต
สัมภาษณ์พิเศษ

นับเป็นบริษัทรับเหมาค่ายมหาชนที่กำลังมือขึ้นไม่น้อย สำหรับ “เนาวรัตน์พัฒนาการ” จากเมื่อปี 2519 ที่ก่อตั้งบริษัทมาด้วยทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ขยับขยายธุรกิจจนบริษัทกลายเป็นรับเหมาในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีรายได้แตะหมื่นล้านบาท ติดระดับท็อป 10

ปัจจุบัน “เนาวรัตน์พัฒนาการ” ไม่ได้มีเพียงธุรกิจรับเหมา เมื่อปี 2549 ได้ร่วมทุนกับพันธมิตร ลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ “ดิ อิสสระ ลาดพร้าว” มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และพัฒนาที่ดินที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เนื้อที่ 20 ไร่ มูลค่า 500 ล้านบาท

และยังขยายการลงทุนโรงงานเสาเข็ม เนื้อที่ 10 ไร่ ที่เมืองย่างกุ้ง รองรับการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศเมียนมา และลงทุนสร้างโรงแรมที่ทวายอีกด้วย

“พลพัฒ กรรณสูต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปี 2563 บริษัทมีผลประกอบการอยู่ที่ 9,928 ล้านบาท และในปี 2564 ตั้งเป้าจะมีรายได้ 13,000 ล้านบาท เติบโต 30% เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างใหม่จะรับรู้ในปีนี้

เช่น ระบบไฟฟ้า งานสร้างรันเวย์ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ สร้างทางขับขนานพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบินกระบี่ สร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือและปรับปรุงทางขับท้ายหลุมจอดพร้อมทางขับสนามบินแม่ฟ้าหลวง อุโมงค์แยกท่าพระ

รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) อุโมงค์ทางเดินลอดถนนหน้าพระลานและถนนมหาราช ก่อสร้างงานโยธา งานสถาปัตยกรรมและงานบริการในพื้นที่ก่อสร้าง บี.กริม เพาเวอร์ โครงการในนิคมอุตสาหกรรมเอเชีย

และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ซึ่งบริษัทได้งานสัญญาที่ 3-2 อุโมงค์ช่วงมวกเหล็กและลำตะคอง ระยะทาง 12.23 กม. วงเงิน 4,279 ล้านบาท เซ็นสัญญาไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ล่าสุดวันที่ 29 มี.ค. 2564 เซ็นสัญญาที่ 4-3 ช่วงนวนคร-บ้านโพ ร่วมกับ บจ.ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่นฯ และ บจ.เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนียริ่ง (1964) วงเงิน 11,525.36 ล้านบาท

โดยบริษัทได้งานตามสัดส่วนการถือหุ้น 30% คิดเป็นวงเงิน 3,457 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทาง 23 กม. สร้างทางวิ่งเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง งานอาคารและสิ่งปลูกสร้างรองรับงานระบบรถไฟฟ้า งานระบายน้ำ งานรื้อย้ายราง ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ

“ปีนี้สถานการณ์การประมูลงานเริ่มดีขึ้น รัฐมีการเปิดประมูลหลายโครงการ เช่น รถไฟทางคู่ อุโมงค์ส่งน้ำ ระบบไฟฟ้า งานปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น คาดว่าจะได้งานใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันเรามีงานในมือกว่า 30 โครงการ มูลค่ากว่า 32,131 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้อีก 3 ปี เฉลี่ยปีละ 10,000 กว่าล้านบาท เมื่อปี 2561 เรามีรายได้เกิน 10,000 ล้านบาท และปีนี้เราจะกลับไปสู่จุดนั้น”

นายพลพัฒกล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้ยื่นซองประมูล e-Bidding โครงการการประปานครหลวง (กปน.) จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 17,058.93 ล้านบาท โดยร่วมกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ประกอบด้วย 1.อุโมงค์ส่งน้ำแนวคลองมหาสวัสดิ์ จากโรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์-ถนนราชพฤกษ์ และหอปรับแรงดันที่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ 2,719.92 ล้านบาท 2.อุโมงค์ส่งน้ำแนวถนนราชพฤกษ์ จากคลองมหาสวัสดิ์-ถนนเพชรเกษม 4,022.12 ล้านบาท

3.อุโมงค์ส่งน้ำแนวถนนกาญจนาภิเษก จากถนนกัลปพฤกษ์-สถานีสูบจ่ายน้ำบางมด 5,357.59 ล้านบาท และ 4.อุโมงค์ส่งน้ำแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟสายเก่า จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด-สถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง 4,959.30 ล้านบาท อยู่ระหว่างรอประกาศผลประมูล

นายพลพัฒกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ซื้อซองประมูลโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. วงเงินรวม 72,920 ล้านบาท โดยซื้อทั้ง 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 103 กม. ราคากลาง 26,599.16 ล้านบาท สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 132 กม. ราคากลาง 26,913.78 ล้านบาท

และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 87 กม. ราคากลาง 19,406.31 ล้านบาท ส่วนสายบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. กรอบวงเงินรวม 55,458 ล้านบาท บริษัทยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อซอง ขอเวลาพิจารณาก่อน

“การยื่นซองประมูลเนื่องจากเป็นงานขนาดใหญ่ เราคงต้องหาพาร์ตเนอร์มาร่วม อาจจะเป็นบริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอทฯ อิตาเลียนไทย และบริษัทยังสนใจจะซื้อซองประมูลโครงการทางด่วนสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก จะเปิดประมูลใหม่อีก 2 สัญญา”

นายพลพัฒยังประเมินสถานการณ์ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปีนี้ว่ามีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง รวมถึงมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ปัญหาแรงงานขาดแคลน ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะเหล็กเส้นที่ราคาปรับขึ้นจาก 16-17 บาท/กิโลกรัม เป็น 21-22 บาท/กิโลกรัม เป็นต้น

ขณะที่ธุรกิจในประเทศเมียนมา จากสถานการณ์การเมืองที่รุนแรงในปัจจุบัน บริษัทได้ปิดโรงงานผลิตเสาเข็มและโรงแรม รอจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ไม่ใหญ่มาก