แสนสิริปรับเป้าขาย-โอนปี64 เป็น 31,000 ล้าน ลุยเปิดโครงการใหม่ Q2/64

แสนสิริ ปรับเป้ายอดขาย-ยอดโอน ปี 2564 เพิ่มเป็น 31,000 ล้านบาท หลังมียอดขายล่าสุด 12,500 ล้านบาท และยอดโอน 8,100 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท เล็งปรับแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมตอบโจทย์ New Normal ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท

วันที่ 30 เมษายน 2564 นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 4 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดแสนสิริมียอดขาย 12,500 ล้านบาท และยอดโอน 8,100 ล้านบาท ทำผลงานในระดับที่ดี บริษัทจึงพิจารณาปรับเป้ายอดขายและยอดโอนปี 2564 จากเป้ายอดขายเดิม 26,000 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 19% เป็น 31,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 65% และคอนโดมิเนียม 11,000 ล้านบาท คิดเป็น 35% และเป้ายอดโอนจาก 27,000 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 15% เป็น 31,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบ 18,000 ล้านบาท คิดเป็น 58% และคอนโดมิเนียม 13,000 ล้านบาท คิดเป็น 42% ขณะเดียวกันได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับราคาเข้าถึงได้ เพื่อสอดรับดีมานด์กลุ่มนี้ที่มีความต้องการอยู่อาศัยในอนาคต

“จากการมองตลาดและปรับตัวเร็วรองรับทุกสถานการณ์ แสนสิริจึงพร้อม Speed to Market ด้วยการปรับเป้าหมายยอดขายและยอดโอนรองรับการกลับมาของตลาด ก่อนเปิดประเทศและเศรษฐกิจฟื้น โดยแสนสิริยังคงก้าวไปข้างหน้าด้วย 3 ความหวังแกร่ง “The Year of Hope” เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งความหวังในการมีบ้านที่ปลอดภัยของคนไทย เดินหน้าต่อด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้ เปิดตัวโครงการใหม่ที่ราคาเข้าถึงง่าย เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม ความหวังในการเสริมความแข็งแกร่งของแสนสิริ ที่ยังคงก้าวเร็วนำหน้าต่อด้วย Speed to Market และความแข็งแกร่งของ Cashflow ในปี 2564 พร้อมสนับสนุน SME และอุ้มอสังหาฯ รายเล็ก พยุงเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปด้วยกัน และความหวังในการคืนรอยยิ้มสู่ครอบครัวแสนสิริและสังคม” นายอุทัยกล่าว

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาส 2 แสนสิริวางแผนเปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 4,300 ล้านบาท นอกจากนี้แสนสิริยังเล็งปรับแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมปี 2564 หลังมองเห็นตลาดคอนโดฯพร้อมอยู่ ตอบโจทย์ New Normal ในราคาที่ต้องเข้าถึงได้ในทำเลที่ดียังมีศักยภาพ โดยล่าสุดมีกระแสตอบรับจาก “The Muve” แบรนด์คอนโดฯแนวคิดใหม่ บน 4 ทำเลคอมมูนิตี้เมือง “เกษตร-รัชดา-ราม-บางนา” ในระดับราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ทั้งกลุ่มนักศึกษาและ First Jobber ที่มีการวางแผนชีวิตเพื่อพุ่งไปสู่เป้าหมายและไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง โดยหลังจากเปิดตัว แบรนด์ “THE MUVE” กวาดยอด Lead ไปอย่างถล่มทลาย สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นแบรนด์คอนโดฯน้องใหม่ของแสนสิริ ที่น่าจับตามองและสร้างปรากฏการณ์ Talk of the Town ให้กับตลาดคอนโดฯอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยคอนโดมิเนียมแบรนด์ “The Muve” จะเริ่มเปิดการขายช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนปี 2564

“กลุ่มลูกค้ายังให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ จากการเป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน” จากการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการ หรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย นอกจากนี้ แสนสิริยังยกระดับการพัฒนาโปรดักต์ต่อยอดแนวคิด มากกว่า ฟังก์ชันสู่งาน “ดีไซน์” เพราะบ้านไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ผลักดันคนรุ่นใหม่ให้ได้ทำในสิ่งที่ชอบมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการประกาศพลิกโฉมครั้งใหญ่ใน “ดีไซน์” ที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบปี 2564  ที่สร้างกระแสความฮือฮาด้วยการเปิดตัว สิริ เพลส อัพแพสชัน…ให้ชีวิตที่ใช่ ซีรีส์ใหม่ “Dream Destination” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในปีนี้แสนสิริมีแผนเปิดตัว สิริ เพลส ทั้งสิ้น 6 โครงการใหม่ครอบคลุมทุกทำเล มูลค่ารวม 5,900 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายโครงการแนวราบในเซกเมนต์ระดับบน บ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริยังได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง จากไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าที่มีเวลาในการมองหาและเลือกซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นในช่วง Work From Home อีกด้วย” นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในช่วงโควิด ทุกโครงการของแสนสิริยังพร้อมเปิดให้ลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโครงการในรูปแบบ Private Tour ซึ่งมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยสูงสุดในช่วงโควิด เพียงลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ก่อนเข้าเยี่ยมชมโครงการแบบ Appointment Only เพื่อความมั่นใจของลูกค้าที่จะเข้าเยี่ยมชมโครงการ ภายใต้มาตรการเข้มข้นของ “Sansiri Care… เพราะเราห่วงใย” ที่พร้อมยกการระดับดูแลเต็มขั้นในทุกสถานการณ์ เป็นเจ้าของบ้านแสนสิริได้ง่าย ๆ ด้วยการซื้อขายครบทุกช่องทาง ตั้งแต่เลือกซื้อไปจนถึงจอง ด้วย Sansiri Multi-Channel เลือกซื้อและเยี่ยมชมโครงการง่ายแค่ปลายนิ้วด้วย Sansiri Virtual Sales Gallery เยี่ยมชมโครงการเสมือนจริงบน www.sansiri.com 

นอกจากนี้ แสนสิริยังแข็งแกร่งด้วย Cash flow Strategy จากการบริหารจัดการสต็อกที่อยู่อาศัยที่ดี ทำให้บริษัทมีสต็อกบ้านเดี่ยวเพียงพออีกประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาฟื้นตัว แสนสิริจะมีที่อยู่อาศัยที่พร้อมรองรับความต้องการจากลูกค้าได้มากที่สุด รวมทั้งมียอดขายรอโอน (รวมโครงการร่วมทุน) 31,380 ล้านบาท รองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี พร้อมสภาพคล่องในมือ 15,000 ล้านบาท ที่จะช่วยให้แสนสิริดำเนินธุรกิจโดยไม่สะดุด ไม่ว่าสถานการณ์ปี 2564 จะเป็นอย่างไร 

ปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยนอกจากเรื่องวัคซีนโควิดแล้ว เรื่องที่จะมีการขยายโควต้าให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อคอนโดฯได้เกิน 49% รวมถึงเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อบ้านจัดสรรได้ มาตรการเกี่ยวกับซอฟต์โลนสำหรับ SME อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำซึ่งถ้าหากดอกเบี้ยต่ำลงกว่านี้อีกก็จะทำให้คนรู้สึกว่าต้นทุนดอกเบี้ยลดลง เขาก็สามารถนำเงินที่ไปจ่ายดอกเบี้ยไปกระตุ้นการขายหรือ operation ตรงนั้นได้ หรือแม้แต่มาตรการ LTV ที่แบงก์ชาติประกาศควบคุม เพราะกลัวเรื่อง speculator และกลัวคนที่จะกู้เงินเกินกำลังตัวเอง ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมาดีเวลอปเปอร์ทุกราย conscious เรื่องการจะเปิดตัวโครงการใหม่อย่างมาก มีการควบคุมแม้แต่สต๊อก

โดยเมื่อเดือนมกราคมปี 2563 แสนสิริมีสต๊อกสูงถึง 15,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลืออยู่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามควบคุมสต๊อกไม่ให้เกิน 10,000 ล้านบาท เชื่อว่าหลาย ๆ ดีเวลอปเปอร์ได้มีการปรับตัวกันแล้ว จึงอยากฝากถึงรัฐบาลว่าถ้าสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งที่หลาย ๆ ดีเวลอปเปอร์เคยขอไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการ LTV หรือแม้แต่มาตรการลดหย่อนภาษี เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าในวันโอนกรรมสิทธิ์ โดยมาตรการเหล่านี้จะสามารถทำให้คนที่อยากมีบ้านสามารถมีบ้านได้ รวมทั้งเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่สามารถทำให้คนมีความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัย

สำหรับสถานการณ์โควิดมีผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจล้มเหลว ถ้าหากวัคซีนเข้ามาเร็วและมีการฉีดัคซีนประมาณ 70-80% ของประชากร ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ขณะเดียวกันถ้าวัคซีนเข้ามาช้าและฉีดได้ช้า เศรษฐกิจจะไม่มีทางกลับมา เพราะฉะนั้นวัคซีนเป็นตัวช่วยทำให้ภาวะเศรษฐกิจของเรากลับมาได้ 

“เมื่อเปรียบเทียบยอดขายกับยอดโอนช่วง 4 เดือนแรกแบบ year on year ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นช่วงที่อยู่ก้ำกึ่งนระหว่างโควิด ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาช่วงปลายมีนาคม เมษายน พฤษภาคม แสนสิริเริ่มทำแคมเปญค่อนข้างหนัก เพราะฉะนั้นปี 2563 แสนสิริมียอดขายและผลประกอบการดีขึ้นมาในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 แต่ปี 2564 เราสตาร์ทอัพตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 เลย

เพราะฉะนั้นเมื่อเปรียบเทียบ year on year ปีนี้ยอดขายและยอดโอนจะดีกว่าปีที่ผ่านมา เพราะไตรมาส 2/2564 เราก็ไม่ได้ผ่อนคันเร่ง แต่เนื่องจากปีที่แล้วเรามีสต๊อกค่อนข้างเยอะ และได้เคลียร์สต๊อกไปในไตรมาส 2/2563  ปัจจุบันนี้ไตรมาส 2/2564 บริษัทมีสต๊อกลดลง เพราะได้เคลียร์ไปใน 3-4 ไตรมาสที่ผ่านมา ดังนั้นอาจจะทำให้ในแง่ของยอดโอนไตรมาส 2/2564 น้อยกว่าในไตรมาส 2/2563 ได้” นายอุทัย กล่าว

ขณะที่การเตรียมแผนเปิดตัวคอนโดฯเซ็กเมนต์ affordable โครงการใหม่ The Movie บริษัทได้เทรนด์พนักงานให้ความรู้ความสามารถในการให้คำแนะนำกับลูกค้าในการเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อกับแบงก์ โดยที่ผ่านมาบริษัทการทำกิจกรรมเครดิตเดย์ให้กับลูกค้าในช่วง 4-5 เดือนก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อดูสุขภาพทางด้านการเงินของลูกค้า ยังดีลกับสถาบันการเงินในเรื่องของดอกเบี้ยเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เพราะลูกค้าบางคนต้องการกู้เพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ด้วย ดังนั้นแสนสิริพยายามหาดอกเบี้ยในเรตที่เหมาะสสมกับลูกค้าแต่ละราย