ลลิล พร็อพเพอร์ตี้เผย Q1/64 มีรายได้ 1,524 ล้าน กำไรสุทธิ 320 ล้าน

บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)  ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2564 ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือภาพรวมอุตสาหกรรม สามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งยังคงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%

วันที่ 18 พฤษภาคม 2564 นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า สถานการณ์โควิด-19 ลลิลฯ ปรับตัวเน้นตลาด Real Demand และใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน บริษัทมียอดรับรู้รายได้จาการขาย 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาวะอุตสาหกรรมที่หดตัวลง   

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการจัดการต้นทุนต่างๆ ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้น 39.1% ในขณะที่การขายและตลาดมีการใช้ E-Marketing เพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขาย ปรับลดลงจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5% ในไตรมาสปัจจุบัน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%

นอกจากนี้ บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม มีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนมีวงเงินสำรองที่ยังไม่เบิกใช้อีกกว่า 2,500 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio 0.64 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ 1.5 เท่าอย่างมาก ในส่วนของแผนขยายธุรกิจในปีนี้ 

บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 10 – 12 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 – 7,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการเปิดโครงการเพื่อการทดแทนโครงการเดิมที่จะทยอยปิดโครงการไป 

ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,550 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ รวมเป็นมูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาทโดยการขยายธุรกิจ บริษัทมีการดำเนินการด้วยระมัดระวัง มีการทยอยเปิดโครงการเพื่อประเมินผลตอบรับของตลาด มีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดระลอกสามเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์