ASW ผนึก Bitkub เพิ่มทางเลือกคนรุ่นใหม่ใช้เงินดิจิทัลซื้อบ้าน-คอนโด

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์
กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์

บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) ร่วมกับ “Bitkub” เพิ่มทางเลือกแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินบาทเพื่อซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม บิ๊กบอส “กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” หวังขยายฐานลูกค้ากลุ่ม New Gen พร้อมเปิดตัวใช้บริการเมื่อ 16 มิ.ย. 64 ที่ผ่านมา

วันที่ 18 มิถุนายน 2564 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Bitkub) เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของบ้านและคอนโดมิเนียมทุกโครงการในเครือ ผ่านการแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแอสเซทไวส์ โดยลูกค้าสามารถแลกเหรียญคริปโทฯ ผ่าน Wallet ของบิทคับซึ่งเตรียมความพร้อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดธุรกิจและปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

ความร่วมมือกันในครั้งนี้เกิดจากการเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งปัจจุบัน Bitkub.com เป็นแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดกว่า 1,200 ล้านบาท/วัน มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ควบคู่กับ ASW ที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และเป็นผู้นำด้านแคมปัสคอนโดภายใต้แบรนด์เคฟ (KAVE) ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เป็นกลุ่มนักศึกษาที่คุ้นเคยกับการใช้สกุลเงินคริปโทฯ ในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ ASW ได้จัดตั้ง บริษัท ดิจิโทไนซ์ จำกัด เพื่อรองรับการศึกษาและลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิตอล (Digital Asset) โดยมุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และแต่งตั้ง บริษัท ฟิวเจอร์คอมแพทเทเร่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาผู้ชำนาญการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งหมดนี้ ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ รุ่นใหม่ในตลาด

ปัจจุบัน ASW มียอดขายรอโอน (Backlog) 7,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 4,700 ล้านบาท ครึ่งแรกของปี 2564 มีโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ “เคฟ ทาวน์ ชิฟท์” (Kave Town Shift) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาทช่วงครึ่งปีหลัง มี 2 โครงการที่จะสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ “เคฟ ทียู” (Kave TU) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท และ “โมดิซ สุขุมวิท 50” (Modiz Sukhumvit 50) มูลค่า 2,100 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จนถึงปี 2565 มั่นใจรายได้ในปี 2564 เติบโต 20% ตามเป้าที่วางไว้

สำหรับโครงการใหม่ของแอสเซทไวส์ในปี 2564 มีการเปิดโครงการ “เคฟ ศาลายา” (Kave Salaya) ชได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเตรียมเปิดโครงการอื่นๆต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่าโครงการรวม 9,700 ล้านบาท

ในไตรมาส 2/64 เตรียมเปิดโครงการใหม่ “แอทโมซ บางนา” (Atmoz Bangna) มูลค่า 2,200 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิด “เคฟ เอวา” (Kave Ava) มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท, “โมดิซ ไรห์ม คลาวด์” (Modiz Rhyme Cloud) มูลค่าโครงการ 3,700 ล้านบาท, “โมดิซ ศรีราชา” (Modiz Sriracha) มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท และบ้านภูริปุรี ลาดพร้าว 41 โฮมออฟฟิศ (Baan Puri Puri Ladproa 41- Home Office) มูลค่าโครงการ 87 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานบริษัทฯ และบริษัทย่อยในไตรมาส 1/64 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564) มีรายได้รวม 1,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582 ล้านบาท โต 98.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 591 ล้านบาท กำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท หรือ 361.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) 48.5 % กำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 25.7%