บิ๊กอสังหาเปิดเกมรับปี “แสนสิริ” ผงาดแบรนด์โลก

“แสนสิริ” ลั่นกลองรบ สร้างมิติใหม่เชื่อมโลก เปิดแผนร่วมทุน 6 พันธมิตรไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ลงทุน 80 ล้านดอลลาร์ ผงาดสู่โกลบอลแบรนด์ของคนไทยรายแรก เผยบิ๊กแบรนด์ “เอพี-อนันดาฯ-ศุภาลัย-พฤกษาฯ-โกลด์-แม็กโนเลีย-ออริจิ้นฯ” เดินหน้าบูมอสังหาฯประเทศไทย 4.0 ลุยลงทุนมหาศาล จับมือพันธมิตร ตุนที่ดินและเงินทุน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2561

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศสู่โกลบอลแบรนด์ครั้งแรก ณ ราชกรีฑาสโมสร พร้อมเปิดเผยว่า กลยุทธ์สร้างแบรนด์แสนสิริสู่องค์กรอสังหาริมทรัพย์ระดับโกลบอลแบรนด์คืบหน้าขึ้นอีกขั้น จากแผนลงทุน 80 ล้านดอลลาร์ หรือ 2,800 ล้านบาท ใน 6 ธุรกิจด้านเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของโลก โดยเข้าไปถือหุ้นธุรกิจโรงแรมผ่าน Standard International และ One Night 35%, Hostmaker 13%, JustCo 6%, Farmshelf 58% และ Monocle 13.2%

สร้างแบรนด์ระดับโลก

“ก้าวสำคัญต่อไปของเราคือการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มระดับโลกที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยให้ความสำคัญ 3 ด้าน 1.การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก 2.การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัย หรือ PropTech ร่วมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำ 3.การเสริมสร้างบทบาทความเป็นผู้นำและขยายฐานกลุ่มเป้าหมายผ่านสื่อไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยม”

จับมือ The Standard 

นายอามาร์ ลาลวานี ซีอีโอและ Managing Partner สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า The Standard เป็นแบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในธุรกิจบูติคโฮเต็ลระดับไฮเอนด์ มีโรงแรมในเครือ 5 แห่ง

ในนิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ไมอามี และทางแสนสิริถือหุ้น 35% ใน 4 กลุ่มธุรกิจของ Standard International ประกอบด้วย The Standard Hotel Operations and Management, Bunkhouse Group, แอปพลิเคชั่น One Night และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

“ผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียลมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงจากเดิม ไม่นิยมซื้อรถหรูอย่างปอร์เช่ แต่จะใช้เงินก้อนเดียวกันสำหรับเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก นั่นคือประสบการณ์มีค่ายิ่งกว่าสินค้า สิ่งที่เราทำ คือ เราสร้าง disruptive technology เชื่อมโยงผู้คน เป็นโรงแรมสำหรับ next generation”

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอนาคตไกล คือ One Night จากวิถีทางของ disruptive mobile technology มาสู่การพัฒนานวัตกรรมแอปพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมแบบนาทีสุดท้าย (last minute booking) เพื่อเข้าพักในวันเดียวกัน โดยมี 135 โรงแรมไลฟ์สไตล์ที่คัดสรรมาแล้วจากทั่วโลกให้เลือกแผนลงทุนร่วมกับแสนสิริ เป็นโรงแรมและที่พักอาศัยในลอนดอน ซานฟรานซิสโก และเม็กซิโกซิตี, ปารีส, เบอร์ลิน, มิลาน ขณะที่ตลาดเอเชียคือโตเกียว ในญี่ปุ่น, ฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, สิงคโปร์, กรุงเทพฯ และมุมไบ ตลอดรวมถึงการสร้างธุรกิจ disruptive technologies ให้กับผู้ประกอบการโรงแรมอิสระอื่น ๆ

แอปจองโรงแรม 

มร.จิมมี่ ซูฮ์ ประธานบริหาร One Night กล่าวว่า One Night เป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นแพลตฟอร์มจองโรงแรมระบบแรก ซึ่งออกแบบโดยเจ้าของโรงแรมเอง หรือ mobile distribution platform เป้าหมายปี 2019 ธุรกรรมจองโรงแรมคาดหวังว่าเติบโตเป็น 46% ของจำนวนการบุ๊กกิ้งห้องพัก ในจำนวนนี้เป็นการจองผ่านมือถือ 70%

แผนการลงทุน แสนสิริจะช่วยส่งเสริมให้ One Night พัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพและเติบโตในตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะในเอเชีย

Hostmaker ฟูลเซอร์วิส

Hostmaker คือ บริษัทผู้ให้บริการบริหารการเช่าที่พักอาศัยและจองที่พักอันดับหนึ่งของ Airbnb แสนสิริเล็งเห็นถึงเทรนด์ home-sharing หรือการแบ่งที่พักอาศัยให้เช่า กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การบริหารที่พักอาศัยเติบโตขึ้นตามไปด้วย ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในลอนดอน โรม ปารีส และบาร์เซโลนา มีลูกค้ากว่า 150,000 คนทั่วโลก

แผนลงทุน Hostmaker จะขยายธุรกิจสู่เอเชีย เพื่อเสริมสร้างรายได้ใหม่ ๆ จากตลาดนอกประเทศไทยให้กับแสนสิริ

JustCo โคเวิร์กกิ้งสเปซ

JustCo ผู้ให้บริการโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 20 แห่ง ในเอเชียปี 2561 แสนสิริเห็นว่าในอนาคตองค์กรขนาดใหญ่หันมาใช้สถานที่ทำงานแบบโคเวิร์กกิ้งสเปซมากขึ้น

แสนสิริและ JustCo จะเปิดตัว JustCo สาขาใหม่ 4 แห่งในกรุงเทพฯ เริ่มที่อาคาร AIA สาทร และออลซีซั่นเพลส วิทยุ พื้นที่รวม 5,000 ตร.ม.รวมทั้งขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในเอเชีย

มร.วัน ซิง คง ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง JustCo กล่าวว่า ความร่วมมือกับแสนสิริจะเป็นการพลิกโฉม commercial realestate market โดยผลสำรวจอาคารสำนักงานพบว่า อัตราการใช้มีเพียง 50% อีก 50% ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์

ขณะที่คนทำงานยุคมิลเลนเนียลไม่ต้องการทำงานในสถานที่ทำงานแบบเดิม แนวโน้ม 10-20 ปีข้างหน้า สถานที่ทำงานจะเปลี่ยนโฉมหน้า 100%

Farmshelf ผักปลูกเอง

พันธมิตรแบรนด์ระดับโลกรายที่ 5 “Farmshelf” เปิดตัวด้วยโมเดลธุรกิจผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมการเพาะปลูกแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ทุกคนปลูกผักได้ง่ายดายภายในบ้านหรือที่ทำงาน

มร.แอนดรู เชียเรอร์ ซีอีโอ Farmshelf กล่าวว่า เงินทุนจากแสนสิริจะต่อยอดผลิตภัณฑ์และนำวัฒนธรรมใหม่มาสู่ไทย ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตเร็ว ทั้งธุรกิจด้านสุขภาพ และปรากฏการณ์การพักอาศัยแบบร่วมมือแบ่งปันกัน

แผนลงทุน Farmshelf มีโอกาสทางธุรกิจอันมหาศาลเพื่อใช้ในโครงการที่พักอาศัยต่าง ๆ ของแสนสิริ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกบ้าน และขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย

แนวคิดคือต่อไปอาจมีการขายบ้านเดี่ยว พร้อมฟาร์มเชลฟ์ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางสามารถใส่เข้าไปได้เลย แต่กรณีคอนโดมิเนียมอาจได้เห็นโครงการแรกในคอนโดมิเนียม แบรนด์ “เดอะโมนูเมนต์ ทองหล่อ” ซึ่งต้องศึกษาแนวทาง เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยมีจำกัดกว่าหมู่บ้านจัดสรร

Monocle ไลฟ์สไตล์แบรนด์

พันธมิตรโกลบอลแบรนด์ “Monocle” มีเดียแบรนด์ที่ก้าวข้ามการทำธุรกิจที่สามารถสร้างความสำเร็จ ด้วยการนำเสนอประสบการณ์แบบลักเซอรี่ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ ผสมผสานกับการเป็นผู้บุกเบิกในการใช้สื่อเสียง ร้านค้ารีเทล และบริการโรงแรมที่พัก

โดย Monocle มีลูกค้าสมาชิกจากทั่วโลก 18,000 คน ที่เป็นฐานลูกค้าแข็งแกร่ง “ลูกค้าซื้อพรินต์ (สื่อสิ่งพิมพ์)เพราะเขาซื้อแบรนด์ของเรา” คำกล่าวของ มร.ไทเลอร์ บรูเล่ ผู้ก่อตั้ง Monocle

แผนการลงทุน Monocle ทำหน้าที่ส่งเสริมแบรนด์แสนสิริและพันธมิตรให้โดดเด่น ช่วยกำหนดและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เชื่อมโยงสู่กลุ่มลูกค้าของ Monocle ในตลาดนานาชาติ และเล็งโอกาสใช้ชื่อแบรนด์เปิดเซ็กเตอร์ใหม่ในอนาคต

นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยแบบมิกซ์ยูส แนวคิดใหม่ร่วมกับ Monocle ในกรุงเทพฯ ในปี 2561

ยกระดับสู่แบรนด์โลก 

นายเศรษฐา กล่าวย้ำว่า แสนสิริยังคงพัฒนาโครงการที่พักอาศัย แต่จุดมุ่งหมายจะขยายกว้างขึ้นสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต ตั้งแต่บ้าน คอนโดฯ สู่วิถีการเดินทาง และอาหารการกินที่สดใหม่ที่สุด แสนสิริและ 6 พันธมิตรจะร่วมสร้างสรรค์อย่างจริงจัง

“แสนสิริก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2527 และเป็นผู้พัฒนาแบบครบวงจรรายเดียวของประเทศ ซึ่งมีมูลค่ายอดขายโครงการมากกว่า 40,000 ล้านบาทต่อปี ด้วยชื่อเสียงอันแข็งแกร่งในต่างประเทศทั้งจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น ด้วยเป้าหมายยอดขายในตลาดต่างประเทศปี 2560 ที่ 8,000 ล้านบาทและจะเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท ในปี 2561”

ร่วมทุน BTS ติดสปริง

การร่วมทุนในรูปแบบโฮลดิ้งกรุ๊ปของ “บีทีเอส” และ “แสนสิริ” ถือเป็นธุรกิจร่วมทุนที่ประสบความสำเร็จและลงตัว ในการพัฒนาคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า 5 ปี รวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท

เอพีทำยอดขายสูงสุด

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ถือเป็นประวัติการณ์ของบริษัทที่สร้างยอดขายได้สูงสุดถึง 13,300 ล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในวงการที่มียอดขายมากสุดในไตรมาส 3 เมื่อรวมยอดขาย 9 เดือน ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ คิดเป็น 108.8% หรือ 28,300 ล้านบาท จากเป้าหมาย 26,000 ล้านบาท

“ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เอพีมีสินค้าพร้อมเปิดตัวใหม่ในเดือนพฤศจิกายนนี้อีก 6 โครงการ มูลค่า 16,700 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 80 โครงการ ซึ่งตลาดระดับกลางและบนไปได้สวย คาดว่าจะทำยอดขายแตะหลัก 35,000 ล้านบาท”

ในปี 2561 นายอนุพงษ์มองว่า การแข่งขันจะสนุกและดุเดือดขึ้น เพราะรายใหญ่ ๆ เตรียมพร้อมแล้ว ทั้งพันธมิตร เงินทุน และที่ดิน ถือว่าครอบคลุมทุกมิติ หลังจากลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปมาตลอดปี เชื่อมั่นว่าเอพีจะก้าวสู่เป้าหมายเป็น 1 ใน 3 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในไทยได้สำเร็จ

เจริญอัดรีเทล 8 พันล้าน

นายณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิร์ด จำกัด กล่าวถึงแผน 10 ปีว่า จะลุยธุรกิจค้าปลีกให้ได้ 1 ล้านตารางเมตร โดยนำแลนด์แบงก์ในเครือมาพัฒนา ใน 5 ปีจะเปิด 20 โครงการ ปี 2561-2562 จะรุกหนักมากขึ้น ด้วยเงินลงทุน 8,200 ล้านบาท พัฒนาทั้งโครงการใหม่ และปรับโฉมโครงการเก่าทั่วทุกทำเล โดยเอเชียทีคใหม่จะใช้พื้นที่ 50 ไร่ ย่านฝั่งธนฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา, เชียงใหม่ และพัทยา เพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต

แม็กโนเลียฯรุกอีโค

นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) จัดงาน “Whizdom, Welcome Home Party” เพื่อสร้างสีสันให้กับโครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ขณะที่กำลังเร่งก่อสร้าง 2 โครงการใหญ่ คือ วิสซ์ดอม สุขวิท 101 และรัชดา-ท่าพระ

โกลด์รุกแนวราบ

นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือโกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า มีแผนเชิงรุก 5 ปีขอขึ้นอันดับท็อป 5 ของวงการ ภายในปี 2563 ด้วยเป้ารายได้ 25,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่อันดับ 7 โดยเพิ่มงบฯซื้อที่ดินเพื่อให้ถึงเป้าหมาย

ปี 2560 เราปรับเป้าใหม่จาก 18,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เป้ายอดรับรู้รายได้ 12,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก 2560 มียอดขายแล้ว 11,000 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 6,600 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 67% ภาวะการขายดีมากในปีนี้ มีแบ็กล็อกเพิ่มเป็น 4,000 กว่าล้านบาท สัดส่วนบ้านเดี่ยว 4,000 ล้านบาท บ้านแฝด 2,500 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 13,000 กว่าล้านบาท

“ครึ่งปีหลังได้เพิ่มเซ็กเมนต์ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ขยายลงทุนทาวน์โฮมในต่างจังหวัด เพื่อเน้นพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี”

อนันดาฯยึดสายสีเขียว 

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า จะเปิดโครงการใหม่ปีนี้ที่ 17 โครงการ มูลค่า 42,823 ล้านบาท เป็นคอนโดฯ 37,340 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 5 โครงการ มูลค่า 5,483 ล้านบาทครึ่งปีหลังเปิดตัว 7 โครงการใหม่ แนวรถไฟฟ้าพระราม 9 และสุขุมวิท ส่วนไตรมาสที่ 4 เปิดเพิ่ม 3 โครงการ เป็นคอนโดฯร่วมทุน มิตซุย ฟูโดซัง มูลค่ารวม 9,247 ล้านบาท ปัจจุบันปรับเป้าเพิ่มยอดขายเป็น 31,036 ล้านบาท

ศุภาลัยสร้างนิวไฮ 

บมจ.ศุภาลัย มียอดรอรับรู้รายได้ มูลค่าสูงถึง 3.97 หมื่นล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ถึงปี 2563 ปีนี้รับรู้รายได้ 1.37 หมื่นล้านบาท นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย กล่าวว่า ยอดขาย 9 เดือนปี 2560 ทำยอดขายสูงถึง 25,120 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดด 44% เทียบกับปี 2559 ทำได้ 17,486 ล้านบาท มาจากยอดขายคอนโดฯ 13,453 ล้านบาท และแนวราบ 11,667 ล้านบาท เนื่องจากไตรมาสที่ 3 เปิดคอนโดฯ 4 โครงการใหม่ สร้างปรากฏการณ์ปิดการขายได้ 100% ในวันเปิดจอง เชื่อมั่นว่าปีนี้จะทำยอดขายได้เกินเป้า 27,000 ล้านบาท

พฤกษาฯตุนที่ดิน 

บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ซีอีโอ เปิดเผยว่า ปี 2560 เปิด 72 โครงการ มูลค่า 60,800 ล้านบาท แบ่งกลุ่มธุรกิจแวลู (บ้านแนวราบราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท คอนโดฯราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท) 66 โครงการ 50,900 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 39 โครงการ บ้านเดี่ยว 20 โครงการ คอนโดฯ 7 โครงการ และพรีเมี่ยม 6 โครงการ 9,900 ล้านบาท ปัจจุบันมีโครงการรอขายอีก 176 โครงการ และตั้งงบฯซื้อที่ดิน 16,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการใหม่ในปีถัดไป

ออริจิ้นฯลุยเงียบ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ซีอีโอ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า เข้าพัฒนาโครงการอสังหาฯ 8 ปี มีพอร์ตสะสมแล้ว 46 โครงการกว่า 17,000 หน่วย มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และยังหาพันธมิตรมาเติมเต็มธุรกิจ โดยร่วมทุนบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด จากญี่ปุ่น และเข้าซื้อหุ้นบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด 10 ล้านหุ้น มูลค่า 4,000 ล้านบาทเพื่อร่วมพัฒนาคอนโดฯระดับไฮเอ็นด์

“ล่าสุดได้ซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามพาร์ค24 เนื้อที่ 4 ไร่ จะพัฒนามิกซ์ยูส 4,000 ล้านบาท ชื่อโครงการ ออริจิ้น 24 คอมเพล็กซ์”