ทรานส์ฟอร์ม “อิตัลไทย กรุ๊ป” สร้างธุรกิจเป็นหนึ่ง-ก้าวสู่ความยั่งยืน

สัมภาษณ์

อาจเนื่องเพราะ “ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอิตัลไทยมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเทคโนโลยีที่กำลังถาโถมเข้ามาในกลุ่มธุรกิจของตัวเอง จึงทำให้เขาพร้อมที่จะตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

ลึกลงไปกว่านั้น อาจเป็นเพราะกลุ่มอิตัลไทยก่อตั้งโดย “คุณตา” นพ.ชัยยุทธ กรรณสูต และเพื่อนรักชาวอิตาลี “จิโอจิโอ เบลลินเจียรี่” ที่ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2498 จนทำให้เขาคิดว่าตลอดช่วงเวลาผ่านมากว่า 62 ปี กลุ่มอิตัลไทยผ่านร้อนผ่านหนาวในโลกธุรกิจมาพอสมควร

แต่กระนั้น ยังไม่รุนแรงเหมือนเช่นในวันนี้

“ยุทธชัย” จึงมองเรื่องการสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรเป็นสำคัญ เพราะเขาคิดว่ากลุ่มอิตัลไทยในยุคเจเนอเรชั่นที่ 3 จะต้องสร้างกลุ่มอิตัลไทยให้ยืนยาวไปจนถึงองค์กรแห่งร้อยปี ด้วยการวางรากฐานให้แข็งแรง เพื่อส่งต่อแนวทางการบริหารสำหรับลูกหลานในอนาคต

แต่สำหรับยุคของเขา มองเห็นแล้วว่าการจะทำเช่นนั้นให้เป็นจริงได้จะต้องนำเรื่องของการ “transformational” เข้ามาปรับโมดูลของการทำธุรกิจ เนื่องเพราะกลุ่มธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันต่างกระจัดกระจาย

แยกกันบริหารงาน

ดังนั้น ทางเดียวที่จะทำให้ 6 กลุ่มธุรกิจ อันประกอบด้วยบริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด, บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด, ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป, ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก, บริษัท อิตัลไทยฮอสพิทาลิตี้ จำกัด และแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเทล กรุ๊ปเกิดความเข้มแข็ง และมีพลังในการบริหารงานเพื่อก้าวไปสู่ความยั่งยืน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “transformational” องค์กร ด้วยการรวมทุกธุรกิจเป็นหนึ่งเดียว

ภายใต้แบรนด์อิตัลไทย กรุ๊ป

ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู้โลกยุคดิจิทัล

“จริง ๆ เรา transformational องค์กรมาระยะหนึ่งแล้ว แต่น่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น คงภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ทั้งนั้นเพราะกลุ่มธุรกิจมีความแตกต่างกัน อย่างอิตัลไทยอุตสาหกรรมมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลหนัก ที่จำหน่าย และให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร ทั้งยังตอบสนองงานภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง ตั้งแต่โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ไปจนถึงงานเหมือง, โรงโม่ และก่อสร้างถนนที่ไม่เฉพาะแต่หัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย หากยังมีที่ สปป.ลาวอีกด้วย”

“ส่วนอิตัลไทยวิศวกรรม เราดำเนินธุรกิจด้านงานวิศวกรรม ครอบคลุมทั้งงานออกแบบวิศวกรรม จัดหา, ก่อสร้าง, ติดตั้ง, ทดสอบ และนำเข้าเพื่อใช้งาน รวมไปถึงงานบำรุงรักษาด้านพลังงานกระแสไฟฟ้าแรงสูง, พลังงานทดแทน, งานระบบประกอบอาคาร, ระบบสาธารณูปโภคอาคาร, งานก่อสร้างอาคาร และโยธา พร้อมกับงานติดตั้งระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่”

“ขณะที่ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จะให้บริการด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับธุรกิจโรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และสปา ที่ครอบคลุมธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ อมารี, โอโซ่, ชาม่า และบรีซสปา ส่วนศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ แบงค็อก เป็นศูนย์การค้าด้านอาร์ตแอนด์แอนทีค ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับอิตัลไทยฮอสพิทาลิตี้ ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องดื่ม โดยเป็นผู้นำเข้า และจำหน่ายเครื่องดื่ม และไวน์ระดับพรีเมี่ยม รวมถึงน้ำแร่เปอริเอ้, น้ำแร่วิทเทล ทั้งยังเป็นผู้บริหารธุรกิจแฟรนไชส์ แบรนด์ TWG Tea จากสิงคโปร์ และล่าสุดคือการเข้าไปบริหารแมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัว”

บริหารหนึ่งเดียวภายใต้ Corporate Office

“ยุทธชัย” กล่าวเพิ่มเติมว่า แบรนด์อิตัลไทย กรุ๊ปเราใช้กูรูในการสร้างแบรนด์ระดับประเทศ “ดลชัย บุณยะรัตเวช” มาเป็นผู้วางแผนกลยุทธ์ และออกแบบให้ เพราะผ่านมากลุ่มอิตัลไทยแยกไม่ออกกับอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เราจึงจำเป็นต้อง spin out ออกมาจากตรงนี้ ด้วยการครีเอตองค์กรขึ้นมาอีกองค์กรหนึ่ง เพื่อทำการออกแบบโลโก้ใหม่ และโลโก้ถ้าดูดี ๆ จะคล้ายกับหัวลูกศร อันไปสอดคล้องกับชื่อคุณพ่อ (อดิศร) อย่างบังเอิญ

“ต่อจากนั้น เราต้องมากำหนด vision, mission และ culture ใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่าภายในเดือนสองเดือนข้างหน้าคงจะสรุปออกมาว่าจะเป็นอย่างไร เพียงแต่ตอนนี้ เรายังบอกไม่ได้ว่าทุกอย่างจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะในทางคู่ขนาน เราตั้งหน่วยงานขึ้นมาอีกแผนกหนึ่งคือ corporate office”

“หน่วยงานนี้เป็นทีมเล็ก ๆ มีอยู่เพียงไม่ถึง 20 คน แต่จะเป็นหน่วยซัพพอร์ตผมในการทำงานกับหลาย ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นด้านกลยุทธ์ การตลาด ไฟแนนซ์ และอีกหลาย ๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยผมในการกำหนดทิศทางของทุก business unit เนื่องจากใน 6 กลุ่มธุรกิจต่างมีโรดแมปของตัวเอง ผมจึงต้องอาศัยพวกเขาเพื่อ report ผมทุกเดือนว่าตอนนี้บริหารธุรกิจกันไปถึงไหนแล้ว มีปัญหาอะไรบ้าง เราจะ monitor กันตลอด หรือธุรกิจไหนมีปัญหา เราจะเข้าไปช่วยทันที”

“ผมถึงเชื่อว่าถ้าเราจัดทัพองค์กรเรียบร้อย มี business model แต่ละกลุ่มชัดเจน ทั้งยังมีเป้าหมายที่จะเดินไปสู่ความยั่งยืนพร้อม ๆ กัน ถึงตอนนั้นเราคงเลือกคนที่ใช่ขององค์กรได้แล้ว ขณะเดียวกัน เราจะวางแผนพัฒนาคนของเราไปตามที่ต้องการ และต้องพยายามทำให้เขาเชื่อแบบเราให้ได้ว่าองค์กรใหญ่ได้ แต่ที่สำคัญอย่าลืมรากขององค์กร”

เพราะรากขององค์กรมาจากผู้ก่อตั้งทั้ง 2 คน กระทั่งส่งต่อมายัง “คุณพ่อ” อดิศรและ “คุณแม่” นิจพร จรณะจิตต์ จนมาถึง “ยุทธชัย” ที่กำลังมองย้อนกลับไปที่รากในอดีต จนมาถึงปัจจุบันที่เขาพยายามสร้างองค์กรให้มีรากที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

สร้างองค์กร-สร้างคนเพื่อความยั่งยืน

ทว่าการจะทำเช่นนั้นได้ “ยุทธชัย” บอกว่าเขาจำเป็นต้องสร้างคน พัฒนาคน และต้องให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเหมือนกับเขาที่ไปเรียนโปรแกรม Leading in a Disruptive World รุ่นที่ 1 ของบริษัท เซาท์อีสเอเซีย (SEAC) เซ็นเตอร์ ทั้งนั้นเพื่อต้องการเรียนรู้โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ด้วยการนำมาปรับใช้กับองค์กร

เพราะเขามองเห็นแล้วว่าโลกแห่งการแข่งขันในปัจจุบันหยุดเรียนรู้ไม่ได้ ถ้าหยุดเรียนรู้เมื่อไหร่ คุณค่าของคนจะหายไป ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามสร้างอิตัลไทย กรุ๊ปให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

เป็นองค์กรแห่งการสร้างคน

และพร้อมที่จะเปิดรับโลกแห่งการเรียนรู้จากภายนอกไม่ว่าจะเป็นพนักงาน คู่ค้า พาร์ตเนอร์ และอาจเป็นผู้ถือหุ้นในอนาคต เพราะ “ยุทธชัย” มองว่าโลกแห่งอนาคตจะต้องเชื่อมโยงเข้าหากัน

เราควรที่จะนำจุดแข็งจากแต่ละส่วนมาสร้างจุดแข็งของตัวเอง

ซึ่งเหมือนกับที่เขามองว่าก้าวต่อไปของอิตัลไทย กรุ๊ปอาจจะเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนั้นจะต้องสร้างองค์กรให้มีคุณภาพเสียก่อน

สร้างคนให้มีคุณภาพเสียก่อน

เมื่อถึงตอนนั้นเชื่อแน่ว่าอิตัลไทย กรุ๊ปจะเป็นองค์กรหนึ่งที่ถึงพร้อมแห่งการเปลี่ยนแปลง และอาจเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่น่าจับตามองต่อไป

ภายใต้การบริหารงานของ “ยุทธชัย จรณะจิตต์”

ซีอีโอรุ่นใหม่ที่อายุเพียง 39 ปีเท่านั้นเอง ?