บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 70% สิงห์ เอสเตท ถือหุ้น 30%ในบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้งสามแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง
วันที่ 6 กันยายน 2564 ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัท มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 403 เมกะวัตต์ (MW) ประกอบไปด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด โรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม กำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่ 2 แห่ง ซึ่งมีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด เป็นเจ้าของใบอนุญาต แต่ละแห่งมีกำลังการผลิต 140 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 90 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นเวลา 25 ปี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“BGRIM จะใช้ความชำนาญในการเป็น Utilities Solution Provider เพิ่มศักยภาพในความร่วมมือมุ่งสู่การเป็น SMART Eco Industrial Estate เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่าง สิงห์ เอสเตท เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ส่งมอบคุณภาพผ่าน 1) การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจากการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า น้ำเย็น น้ำร้อน การจัดส่งก๊าซ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ, 2) One-stop Solution โดยเสนออุปกรณ์และเครื่องมือในการบริหารจัดการอย่างครบวงจร 3) การบริหารจัดการไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่าน energy-efficient solution เพื่อลดปริมาณ carbon footprint และ 4) ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า สิงห์ เอสเตท ภูมิใจอย่างมากที่ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว
“ในปี 2564 เราได้เดินหน้าผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับธุรกิจที่มาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลักของเรา โดยมุ่งเน้นผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับผู้นำในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความมุ่งมั่นในการเดินหน้าตามกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมาย โดยไม่พะวงกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเติมเต็มการเติบโตในระยะยาวของเรา” นางฐิติมา กล่าว
อนึ่ง การร่วมทุนทั้งสามบริษัทนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาทในปี 2567