“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” เห็นสัญญาณบวกหลังไทยเริ่มคลายล็อกดาวน์-ออกมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว คาดไตรมาส 4/2564 กำลังซื้อเพิ่ม เตรียมเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ โซนนนทบุรี-สุวรรณภูมิ มั่นใจปีนี้ทำผลงานยอดขายตามเป้า 7,000 ล้านบาท
วันที่ 4 ตุลาคม 2564 นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐที่ประกาศปรับลดระยะเวลาเคอร์ฟิว พร้อมผ่อนคลาย 10 กิจการให้กลับมาเริ่มดำเนินงานได้อีกครั้ง ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น จะส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาส 4/2564 อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ การพยายามผลักดันให้นักท่องเที่ยวกลับมาในประเทศไทยอย่างเต็มที่มากขึ้น โดยกำหนดพื้นที่นำร่อง ลดเวลากักตัวโดยผู้ที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์แล้วอย่างน้อย 14 วัน ให้กักตัว 7 วัน รวมทั้งขยายเวลารับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) เพิ่มอีก 1 ปี ล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้า ภายหลังจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 ในประเทศไทย ส่งผลให้ภาพรวมความเชื่อมั่นทั้งภาคเศรษฐกิจและประชาชนเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ หากภาครัฐเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท เพื่อพยุงและผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จะทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ช่วยให้กลไกธุรกิจกลับมาทำงานได้อย่างมีศักยภาพดังเช่นประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป และเอเชียที่ได้ดำเนินการ และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมเพื่อรักษาเสถียรภาพทางธุรกิจให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ มีการประเมินสถานการณ์เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ทั้งจากการ Lean องค์กร ปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยนำระบบ IT มาใช้ทั้งองค์กร ส่งผลให้การทำงานเกิดความคล่องตัวยิ่งขึ้น รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ต้องทำอย่างถูกเวลา ตอบโจทย์กำลังซื้อที่มีอยู่จริงในตลาด
ขณะเดียวกัน บริษัทให้ความสำคัญด้านการบริหารสภาพคล่องทางการเงิน โดยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารรวม 2,600 ล้านบาท มีวงเงินหุ้นกู้คงเหลืออีก 2,000 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินสดสำรองภายในบริษัทเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
“จากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ลดลง ประกอบกับแผนเร่งรัดในการกระจายวัคซีนของภาครัฐสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ ทำให้ยอดผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ส่งสัญญาณบวกต่อความเชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาฯไทยอย่างชัดเจน หากไทยยังคุมตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วยิ่งขึ้น เมื่อกลไกหลักของประเทศกลับมาทำงาน กำลังซื้อก็จะเริ่มกลับมาเช่นกัน
ซึ่งเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่คุ้มค่าอย่างมากสำหรับผู้บริโภค เพราะผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกค้า อัตราดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับต่ำ บวกกับมีมาตรการรัฐลดค่าโอนและจดจำนองสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทที่จะสิ้นสุดปลายปีนี้ เป็นปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค” นายชูรัชฏ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้มียอดรับรู้รายได้ 3,200 ล้านบาท คิดเป็น 53% ของเป้าทั้งปีที่วางไว้ 6,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งประกาศยืนเป้ายอดขาย 7,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทเน้นลูกค้า Real Demand เป็นหลัก มีการใช้ Data ในส่วนของ Customer Insight วางกลยุทธ์การตลาด โดยแผนลงทุนไตรมาส 4/2564 ตั้งเป้าเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในโซนนนทบุรี และโซนสุวรรณภูมิ