45 ปีการทางพิเศษ สร้างทางด่วน 224.6 กม. ลุยต่อด่วนพระราม 3-วงแหวนตะวันตกพ่วงขั้นที่ 3 สายเหนือ

นายสุทธิศักดิ์ วรรธนวินิจ รักษาการผู้ว่าการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า วันที่ 27 พ.ย.เป็นวันครบรอบ 45 ปีของ กทพ. ที่ผ่านมาได้มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเครือข่ายระบบทางพิเศษให้เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน

โดยปัจจุบัน กทพ.ได้เปิดให้บริการทางพิเศษรวม 8 สายทาง 5 ทางเชื่อมต่อ รวมระยะทาง 224.6 กิโลเมตร ประกอบด้วยทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี ทางพิเศษอุดรรัถยา ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก และทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร

โดยล่าสุด กทพ.ได้เปิดให้บริการทางลงทางพิเศษกาญจนาภิเษกที่ปรับปรุงใหม่ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษบางแก้ว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้ทางและช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณดังกล่าว ซึ่งภายหลังจากการเปิดให้บริการพบว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านฯ บางแก้วและช่วยบรรเทาปัญหาในภาพรวมของระบบทางพิเศษได้เป็นอย่างดี

ในปีที่ผ่านมา กทพ.ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างทางเชื่อมจากทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครไปยังทางพิเศษศรีรัชด้านทิศเหนือ (มุ่งไปทางแจ้งวัฒนะ) ระยะทางประมาณ 360 เมตร เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรหนาแน่นบริเวณดังกล่าว โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2561

นอกจากนี้ กทพ.ยังได้นำนวัตกรรมกำแพงกันเสียงจากวัสดุไวนิลที่มีส่วนประกอบของยางพารามาใช้งานเพื่อสนับสนุนการใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล และนวัตกรรมหุ่นยนต์ตรวจสอบสายเคเบิลของสะพานพระราม 9 มาใช้งานเพื่อการบำรุงรักษาและตรวจสอบโครงสร้างเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และตรวจสอบสายเคเบิลได้อย่างละเอียดแม่นยำมากขึ้น

ปัจจุบัน กทพ.อยู่ระหว่างดำเนินโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตกโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก และโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต รวมถึงดำเนินการศึกษาโครงการทางพิเศษสายอุดรรัถยา-พระนครศรีอยุธยา โครงการทางพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรีตลอดจนศึกษาแผนแม่บททางพิเศษในจังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต อีกด้วย

นอกเหนือจากภารกิจในการแก้ไขปัญหาจราจรแล้ว กทพ.ยังมุ่งมั่นตอบแทนคืนสู่สังคม โดยดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ในหลากหลายมิติ อาทิ กิจกรรม “แบ่งปันรอยยิ้มแด่น้องริมทางด่วน” โครงการ “ทางพิเศษคู่ใจ สู้ภัยหนาว” กิจกรรม “จิตอาสา ทางด่วนไทย” กิจกรรมวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2560 กิจกรรม “ทางด่วนเพื่อเยาวชน ประจำปี 2560” โครงการ “กล่องวิเศษ ทางพิเศษรักษ์โลก” โครงการ “ยุวชนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” และโครงการ “ของดีชุมชนรอบรั้วทางพิเศษ” รวมทั้งการจัดพื้นที่ในเขตทางพิเศษเพื่อจัดทำสวนสาธารณะ ลานกีฬา และเส้นทางลัด เป็นต้น

สำหรับโอกาสครบรอบ 45 ปี กทพ.ได้มอบความสุขให้แก่ผู้ใช้บริการทางพิเศษ โดยผู้ใช้บริการทางพิเศษสามารถสมัครใช้บัตร Easy Pass ได้เพียงแค่สำรองเงินค่าผ่านทางครั้งแรก 500 บาท โดยไม่มีค่ามัดจำอุปกรณ์ ในระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2560 ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2561 โดยปัจจุบัน กทพ.มีผู้สมัครใช้บัตร Easy Pass แล้วจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัตร

“การทางพิเศษฯ จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร รวมถึงลดการสูญเสียพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องโดยให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างสรรค์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติด้วยบริการที่ดีมีความคุ้มค่าสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย อย่างยั่งยืนต่อไป” นายสุทธิศักดิ์กล่าว