‘พฤกษารับซื้อที่ดิน’เปิดเกมรุกซื้อตรง หว่าน 1.5 หมื่นล้านเจาะ‘แลนด์ลอร์ด-นายหน้า’

“พฤกษา เรียลเอสเตท” เปิดเกมใหญ่หว่านโซเชียลรับซื้อที่ดินไม่อั้น ขนาด 2-15 ไร่ ป้อนแผนลงทุนผุดคอนโดฯ-แนวราบ เผยใช้งบฯปีละ 1-1.5 หมื่นล้านจัดซื้อปีละ 100 แปลง ชูกลยุทธ์รับซื้อตรงจากเจ้าของที่-นายหน้า เผยคนสนใจเยอะแห่เสนอขายสัปดาห์ละ 300-400 แปลง “ศุภาลัย” แย้มมีดีลเจรจาซื้อที่ปีละ 5,000 แปลง ต้องการใช้จริงปีละ 30 แปลง

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า พฤกษาฯมีความต้องการใช้ที่ดินพัฒนาโครงการปีละ 80-100 แปลง จึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการจัดซื้อแลนด์แบงก์เชิงรุก คิดเป็นมูลค่าปีละ 10,000-15,000 ล้านบาท

รับซื้อไม่อั้น 2-15 ไร่ขึ้นไป

ล่าสุด มีการประกาศซื้อที่ดินผ่านเครือข่ายออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยประกาศรับซื้อที่ดินครอบคลุม 13 จังหวัด เนื้อที่ 15 ไร่ขึ้นไปสำหรับทำโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ทำเลกรุงเทพฯ, นนทบุรี, สมุทรปราการ ในพื้นที่ปู่เจ้าสมิงพราย เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ บางปู แพรกษา บางพลี ตำหรุ บางนา-ตราดไม่เกิน กม.30

ปทุมธานีรับซื้อที่ดินทุกอำเภอยกเว้นหนองเสือ, นครปฐมในพื้นที่อำเภอเมือง อ้อมน้อย พุทธมณฑลไม่เกินสาย 7 ศาลายา สามพราน, สมุทรสาครในพื้นที่ถนนเศรษฐกิจ ถนนพุทธสาคร อำเภอกระทุ่มแบน อำเภอเมือง, ภูเก็ตทำเลถนนเทพกษัตรี บายพาส เฉลิมพระเกียรติ วิชิตสงคราม เจ้าฟ้าตะวันออก-ตก
เชียงใหม่ในพื้นที่อำเภอเมืองจนถึงไม่เกินวงแหวนรอบ 3, ฉะเชิงเทราในเขตอำเภอบ้านโพธิ์กับบางวัว, อำเภอเมืองระยอง, ชลบุรีในพื้นที่แสนสุข อ่างศิลา บางพระ, สระบุรี อำเภอเมือง ในพื้นที่โคกแย้ ถนนร่องแซงฝั่งตรงข้ามเหมราช และนครราชสีมา อำเภอเมือง ในพื้นที่ตำบลสุรนารี หนองกระทุ่ม หมื่นไวย บ้านเกาะ จอหอ

พร้อมกันนี้ ประกาศรับซื้อที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ขึ้นไป สำหรับทำคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ ทำเลใจกลางเมือง หรือใกล้แนวรถไฟฟ้า

รับซื้อตรงเจ้าของ-นายหน้า

นายปิยะกล่าวว่า การจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในปัจจุบัน รูปแบบส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินหรือแลนด์ลอร์ดมีการใช้นายหน้า 4-5 ราย การเปิดรับซื้อที่ดินโดยตรงเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับเจ้าของที่ดินและนายหน้า สามารถนำเสนอหรือรวบรวมแปลงที่ดินมาขายให้บริษัท เพราะระบุทำเล ขนาดแปลงที่ดินให้รับรู้เป็นการทั่วไปแล้ว

“ข้อดีถ้าเจ้าของที่ดินขายตรงกับเราคือทำให้ประหยัดค่านายหน้า 3% ถ้าเป็นแปลงไพรมแอเรียที่มีมูลค่าสูง ๆ ก็เป็นวงเงินพอสมควร ขณะเดียวกัน นายหน้ามีจุดแข็งในการพูดคุยกับเจ้าของที่ดินได้ดี สามารถรวบรวมจากเจ้าของที่ดิน 20 รายหรือ 40-50 รายเพื่อนำเสนอเป็นแปลงใหญ่ให้กับพฤกษาฯ”

สำหรับตลาดต่างจังหวัด พฤกษาฯประเมินศักยภาพจากขนาดตลาดโครงการที่อยู่อาศัยจะต้องมีมูลค่ารวมกันเกินปีละ 5,000 ล้านบาท ถือว่ามีศักยภาพและสนใจเข้าไปลงทุน ดังนั้นจึงไม่ได้จำกัดเพียง 13 จังหวัดหรือ 20 จังหวัด จะพิจารณาจากศักยภาพกำลังซื้อในพื้นที่เป็นหลัก

“กลยุทธ์พฤกษารับซื้อที่ดินตอนนี้ถือว่ามีผลตอบรับที่ดี คนเริ่มติดต่อเข้ามาเยอะแล้วเป็น 1,000 ราย/เดือน สัปดาห์ละ 300-400 ราย ปกติเราต้องการที่ดินปีละ 100 แปลง 1 ปีมี 12 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 10 แปลง หรือสัปดาห์ละ 2 แปลง ในขณะที่มีเข้ามาสัปดาห์ละ 300 แปลง ข้อดีคือบริษัทพิจารณาอย่างโปร่งใสในรูปแบบคณะกรรมการ โทร.มาหาเรา คุยและรู้ราคาได้คำตอบเลย เจ้าของที่ก็มั่นใจว่าคุยกับตัวจริง ไม่โดนหลอก เราซื้อในราคายุติธรรม ไม่มีกั๊ก สำคัญที่สุดคือได้เงินชัวร์ ๆ”

ศุภาลัยดีล 5,000 แปลง/ปี

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า ศุภาลัยมีดีลในการเจรจาซื้อขายที่ดินปีละ 5,000 แปลง ในขณะที่มีความต้องการซื้อเพื่อนำมาพัฒนาโครงการปีละ 30 แปลง ดังนั้น ในแต่ละปีจึงมีโอกาสเลือกซื้อแปลงดีที่สุดสำหรับรองรับการลงทุน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของผู้ประกอบการรายใหญ่เมื่อเทียบกับรายกลางและรายเล็ก

“เราเห็นที่ดินปีละ 5,000 แปลง คัดเลือกปีละ 30 แปลง หรือ 130 ต่อ 1 ผมมองว่าเป็นข้อดีของการเป็นบริษัทใหญ่ ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องการจัดซื้อแลนด์แบงก์ ส่วนวิธีการมีทั้งทำผ่านนายหน้าซึ่งก็มีจำนวนหนึ่ง กับวิธีการหว่านในโซเชียลมีบางช่วงเราก็ทำ สำหรับดีเวลอปเปอร์สูตรการซื้อที่ดิน ง่าย ๆ คืออย่ายึดติด เราเคยเห็นราคาที่ดินแค่ไหนมาก่อน แต่ถ้าวันนี้ราคาเปลี่ยนแปลงเราต้องไม่ยึดติด ราคาเท่าไหร่หากอยู่ในทำเลที่อยากได้ก็ต้องตัดสินใจ”

นายไตรเตชะกล่าวด้วยว่า งบประมาณจัดซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการปีนี้ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาท คาดว่าถึงสิ้นปีนี้อาจเกินเป้าหมายไปบ้าง เนื่องจากมีแปลงสถานทูตออสเตรเลียมูลค่า 4,500 ล้านบาท เป็นแปลงใหญ่ ทำให้ดันวงเงินจัดซื้อสูงกว่าเป้า โดยนโยบายด้านที่ดินจะโตไปตามเป้าเติบโตของบริษัท ซึ่งตั้งไว้ปีละ 10-15%