เปิดตัวคอนโดใหม่ยอดกระตุก ราคาต่ำกว่า 3 ล้านทะลัก

ดาต้าเบส

อสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่เดือนตุลาคม 2564 เริ่มเห็นสัญญาณ จำนวนหน่วยกับมูลค่าคอนโดมิเนียมแซงแนวราบ

“ดร.โสภณ พรโชคชัย” ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA สำรวจตลาดที่อยู่อาศัยเปิดใหม่เดือนตุลาคม 2564 ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีจำนวน 28 โครงการ จำนวน 6,559 หน่วย มูลค่ารวม 21,975 ล้านบาท

จำนวน 6,559 หน่วยเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2564 ที่เปิดตัวใหม่ 4,278 หน่วย เท่ากับเพิ่ม 2,281 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 53.3%

แบ่งเป็นอาคารชุด 3,825 หน่วย สัดส่วน 58.3% รองลงมาทาวน์เฮาส์ 2,245 หน่วย สัดส่วน 34.2% บ้านแฝด 219 หน่วย สัดส่วน 3.3%

เมื่อเทียบกับสถิติเปิดตัวใหม่เดือนกันยายน 2564 พบว่า “อาคารชุด-ทาวน์เฮาส์” มีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น

โดยอาคารชุดเพิ่มถึง 3,288 หน่วย เติบโต 612% ทำเลยอดนิยมเกาะแนวรถไฟฟ้า ย่านชุมชน และใกล้มหาวิทยาลัย กับทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น 265 หน่วย เติบโต 13%

ส่วน “บ้านเดี่ยว” มีจำนวนลดลงอยู่ที่ 1,146 หน่วย หรือลดลง -86%

ทำเลที่มีการเปิดขายใหม่ สำหรับอาคารชุดที่เปิดขายจะตั้งอยู่บริเวณแนวรถไฟฟ้า ย่านชุมชนและบริเวณใกล้มหาวิทยาลัยย่านคลองหลวง เป็นต้น

ในด้านมูลค่า เดือนกันยายนอยู่ที่ 22,316 ล้านบาท ขณะที่ตุลาคมอยู่ที่ 21,975 ล้านบาท ลดลง 341 ล้านบาท หรือลดลง -1.5% เหตุผลเพราะเป็นสินค้าระดับราคาปานกลางค่อนข้างถูกเป็นสำคัญ

สำหรับภาพรวมเดือนตุลาคม บ้านเดี่ยวจะเน้นราคา 5-10 ล้านบาท, ทาวน์เฮาส์ราคา 2-3 ล้านบาท, อาคารชุดราคา 1-2 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีจำนวน 3,769 หน่วย สัดส่วน 57.5% ของตลาดรวม ทำให้ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 3.350 ล้านบาท เทียบกับกันยายนที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 5.216 ล้านบาท

ในด้านดีเวลอปเปอร์ พบว่า เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 9 บริษัทได้แก่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ศุภาลัย, สัมมากร, เสนา ดีเวลลอปเม้นท์, แสนสิริ, เอพี (ไทยแลนด์), เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และลลิล พร็อพเพอร์ตี้

ในด้านทำเลที่ตั้ง พบว่าตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯชั้นใน 4 โครงการ, ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางและส่วนต่อขยายของเมือง (intermediate area) 20 โครงการ เช่น ถนนเลียบคลองประปา ถนนติวานนท์ ถนนลาดพร้าว ถนนบางนา-ตราด ถนนเทพารักษ์ ถนนเพชรเกษม ถนน 345 เป็นต้น

“แนวโน้มว่าเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2564 จะมีโครงการเปิดใหม่อีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ไตรมาส 4/64 อาจเปิดตัวใหม่มากกว่า 3 ไตรมาสหรือ 9 เดือนแรกรวมกัน”

บรรทัดสุดท้าย แนวโน้มยอดเปิดตัวใหม่ปี 2564 ทั้งปี แม้จะลดลงจากปี 2563แต่คาดว่าลดลงไม่เกิน -30%