กปน.รื้อ “แท่นน้ำประปาดื่มได้” ทั่ว กทม. 387 จุด

กปน. รื้อ “แท่นน้ำประปาดื่มได้” ทั่ว กทม. 387 จุด

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 นายคมกฤช ทินกร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (สจส.กทม.) ได้มีหนังสือขอให้ กปน. เร่งรัดดำเนินการรื้อถอนแท่นน้ำประปาดื่มได้และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมด 387 จุด ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 และจัดซ่อมคืนพื้นที่ทางเท้ากลับสู่สภาพเดิมภายใน 30 วัน

โดย กปน.ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด และหากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด กทม.จะเป็นผู้ดำเนินการโดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจาก กปน.นั้น

กปน.ขอแจ้งว่า แท่นน้ำประปาดื่มได้และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันจำนวน 387 จุด เป็นทรัพย์สินและอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทเอกชนที่เสนอเป็นผู้ดำเนินการจัดหาและดูแลรักษาแท่นน้ำประปาดื่มได้ ดังกล่าว ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือระหว่าง กทม. และ กปน. ตั้งแต่ปี 2547 โดยมีวัตถุประสงค์ในการคืนกำไรสู่สังคมด้วยการมีส่วนร่วมในการดูแลความเป็นอยู่ที่ดี และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชาว กทม.

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กปน.ได้รับหนังสือแจ้งจาก สจส.กทม. แล้ว กปน.ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทเอกชนดังกล่าวทราบ โดยให้ประสานงานกับ สจส. กทม.เพื่อดำเนินการรื้อถอนแท่นน้ำดื่มและอุปกรณ์ประกอบทั้งหมด โดยเบื้องต้นได้ทำการรื้อถอนแท่นน้ำดื่มในถนนพระรามที่ 1 แล้ว

แต่เนื่องจากแท่นน้ำประปาดื่มได้ที่ต้องรื้อถอนมีจำนวนมาก ประกอบกับต้องมีการซ่อมผิวทางเท้าทุกแห่งหลังจากรื้อถอนด้วย จึงจะไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จทั้งหมดได้ภายในระยะเวลา 30 วัน แต่ กปน.มิได้นิ่งนอนใจ ได้มีหนังสือแจ้งให้บริษัทจัดทำแผนงานการรื้อถอนแท่นน้ำประปาดื่มได้ดังกล่าว โดยให้ระบุเวลาแล้วเสร็จที่แน่นอน และให้เร่งประสานงานในรายละเอียดกับ กทม.โดยด่วน

ทั้งนี้ แท่นน้ำประปาดื่มได้ในบริเวณถนนพระรามที่ 1 ตั้งแต่สี่แยกราชประสงค์ถึงสี่แยกปทุมวัน ได้ถูกรื้อถอนพร้อมคืนผิวทางเท้าให้ กทม. เรียบร้อยแล้ว เพื่องานปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณดังกล่าวของสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร โดยยังคงเหลือแท่นน้ำดื่มที่รอการรื้อถอนจำนวน 380 จุด ซึ่ง กปน. จะติดตามอย่างใกล้ชิดให้บริษัท เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยด่วนที่สุดตามเจตจำนงของกรุงเทพมหานคร เพื่อสนับสนุนการสร้างทัศนียภาพสวยงามให้ชาวกรุงเทพมหานครและแขกผู้มาเยือนอย่างยั่งยืน