โฮมโปร โชว์ปี’64 ปั๊มรายได้ 6.3 หมื่นล้าน กำไรสุทธิ 5.4 พันล้าน โต 3-5%

โฮมโปร
แฟ้มภาพ

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ หรือ HMPRO เผยผลประกอบการปี 2564 มีรายได้รวม 63,925.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,176.80 ล้าน หรือ 3.53% กำไรสุทธิ 5,440.52 ล้าน เพิ่มขึ้น 285.82 ล้าน หรือ 5.54%

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 63,925.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,176.80 ล้านบาท หรือ 3.53% โดยมีกำไรสุทธิ 5,440.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.82 ล้านบาท หรือ 5.54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ประกอบด้วย รายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) 60,567.91 ล้านบาท ปรับขึ้น 2,221.14 ล้านบาท หรือ 3.81%

คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล

โดยปี 2563-2564 มีผลกระทบจากมาตรการปิดสาขาชั่วคราวเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับตัว และพัฒนาปรับปรุง ทั้งสินค้า และบริการ ให้สอดรับกับวิถีชีวิตแบบใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน บริการปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้สามารถทำงานที่บ้านได้ รวมถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้า และบริการภายใต้ Omni Channel Platform ส่งผลทำให้ยอดขายสาขาเดิม ยอดขายออนไลน์ และรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมของประเทศมาเลเซีย ที่ยังหดตัวจากการปิดสาขา และมีมาตรการควบคุมการเข้าใช้บริการที่มีช่วงระยะเวลานานกว่า เมื่อเทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการลูกค้า Home Service 15,642.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 894.02 ล้านบาท หรือ 6.06% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายสินค้า และบริการที่เติบโตขึ้น และจากการเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เช่น เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าปรับปรุงซ่อมแซมที่อยู่อาศัย รวมถึงบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.28% ในปี 2563 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 25.83%

นายคุณวุฒิกล่าวอีกว่า สถานการณ์โควิดลูกค้าไม่สามารถเลือกซื้อสินค้าที่สาขาได้ตามปกติ ทำให้หันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาออนไลน์ผ่าน 3 แอปพลิเคชั่น ได้แก่ HomePro Application, Home Service Application และ Home Card Application รวมถึง Shop4U

นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกด้วยบริการขนส่งสินค้าภายในวันที่มีการสั่งซื้อ (Same Day Delivery) หรือจะเลือกมารับสินค้าที่สาขา (Click and Collect) โดยช่องทางเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลง และผลกระทบของการแพร่ระบาดได้อย่างทันท่วงที

นายคุณวุฒิกล่าวว่า ด้านงานบริการ บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชั่น Home Service ที่มีงานบริการเกี่ยวกับบ้านครบครัน ด้วยทีมงานมืออาชีพ เรียกใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เช่น กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไฟดับ แอร์ไม่เย็น น้ำไม่ไหล เพียงติดต่อผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นหรือผ่านช่องทาง Call Center และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการเข้าบริการ ทีมช่างจะได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ด้วยชุดตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ก่อนการให้บริการ

“บริษัทยังมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน และสร้างเสถียรภาพให้กับระบบกระจายสินค้าให้สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทมีมาตรการบริหารจัดการ ป้องกันและควบคุมโรค ในศูนย์กระจายสินค้า (Bubble and Seal) ที่เป็นการจำกัดพื้นที่โดยการแยกผู้ที่ติดเชื้อไปรักษา และกักกันผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยง ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว และลดการแพร่ระบาดในวงกว้าง

นอกจากนี้ในช่วงที่ขาดแคลนสถานพยาบาล และการให้บริการสาธารณสุข บริษัทได้สร้างโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ศูนย์กระจายสินค้าวังน้อย โดยบริหารร่วมกับโรงพยาบาลราชธานี เพื่อรักษาชีวิตของพนักงาน และขยายความช่วยเหลือไปยังผู้ป่วยในชุมชนรอบข้างอีกด้วย” นายคุณวุฒิกล่าว