MQDC เปิดตัวแฟลกชิปโปรเจ็กต์ “ฟอเรสเทียส์” 9 หมื่นล้าน

Imagine Happiness - โครงการมิกซ์ยูสของไทยที่เกิดจากความร่วมมือพันธมิตรระดับโลก ร่วมกันพัฒนาคอนเซ็ปต์การอยู่อาศัยให้ธรรมชาติกับสังคมอยู่ร่วมกัน ภายใต้แนวคิด "ความสุขที่แท้จริง"

MQDC เรียกน้ำย่อย เปิดแฟลกชิปโปรเจ็กต์ยักษ์ 9 หมื่นล้าน “ฟอเรสเทียส์” บางนา กม.7 พัฒนาบนที่ดินผืนใหญ่ 300 ไร่ ตั้งเป้าตอกเข็มปี”61 ใช้เวลาสร้าง 5 ปี ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่แท้จริง-Imagine Happiness” โครงการมิกซ์ยูสที่ธรรมชาติและสังคมมาอยู่รวมกัน

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ธุรกิจเรียลเอสเตตของนางทิพพาภรณ์ อริยวนารมณ์ ลูกสาวของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสตั้งเป้าเป็นแฟลกชิปโปรเจ็กต์ระดับโลกแบรนด์ “ฟอเรสเทียส์-Forestias” บนทำเลบางนา-ตราด กม.7 เนื้อที่ 300 ไร่ มูลค่าโครงการ 90,000 ล้านบาท

“ปัจจุบันความเจริญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ท่ามกลางความเจริญด้านวัตถุได้ส่งสัญญาณถึงปัญหาระดับโลกและส่งผลกระทบต่อโลก อาทิ ระบบนิเวศธรรมชาติเสื่อมถอย เกิดช่องว่างของสมาชิกในครอบครัว สมาชิกต่างคนต่างใช้ชีวิตจนเกิดเป็นความห่างเหิน การขยายตัวอย่างรวดเร็วของสังคมผู้สูงอายุ บริษัทมีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดช่องว่างและสร้างความสุขอย่างยั่งยืน ด้วยการออกแบบโครงการที่ใส่ใจธรรมชาติ นำนวัตกรรมและเทคโนฯ ใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ ร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมถึงการเพิ่มพื้นที่เพื่อให้คนในครอบครัว 4 เจเนอเรชั่น ได้แก่ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ ลูกหลาน และเหลนได้ใช้เวลาร่วมกัน จนเกิดเป็นคอมมิวนิตี้ที่น่าอยู่ขึ้น”

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโสของ MQDC เปิดเผยว่า โครงการเดอะฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการแฟลกชิปที่พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความสุขที่แท้จริง” โดยบริษัทพัฒนาบนพื้นที่ 300 ไร่ บริเวณบางนา-ตราด กม.7 ติดถนนใหญ่ก่อนถึงเมกา บางนา มูลค่าโครงการ 90,000 ล้านบาท มีพื้นที่มากกว่า 6 แสนตารางเมตร พัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย พื้นที่รีเทล อาคารสำนักงาน ศูนย์สุขภาพ โรงแรมระดับ 4 ดาว และ 5 ดาว พื้นที่กิจกรรมสำหรับชุมชน บนพื้นที่ 180,000 ตารางเมตร คอนโดมิเนียม และสกายวิลล่า

“พื้นที่สีเขียวของโครงการมากกว่า 60% เป็นป่าประมาณ 30 ไร่ ถือว่าเป็นระบบนิเวศธรรมชาติขนาดใหญ่ที่รวมพันธุ์พืชกว่า 38 สายพันธุ์ และสัตว์กว่า 123 สายพันธุ์ มีทั้งป่าทึบ ป่าเพื่อที่อยู่อาศัย ป่าผจญภัยและศูนย์รวมกิจกรรม และพาวิเลี่ยนสไตล์ธรรมชาติ” นายกิตติพันธุ์กล่าว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้ร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ได้แก่ Foster+Partner ที่ปรึกษาออกแบบวางผังเหมือนและงานสถาปัตยกรรม, Atelier Ten ศึกษาวางแผนป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ, บริษัท EEC Engi-neering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคาร, ITEC Entertainment สร้างพื้นที่สันทนาการ และ Six Senses ร่วมบริหารให้บริการโรงแรมและที่อยู่อาศัย ตามแผนคาดว่าเริ่มก่อสร้างในปี 2561 ตั้งเป้าเปิดบริการเป็นทางการในปี 2565