“ไพรินทร์” ลุยประมูลรถเมล์NGV-ส่งมอบ100คันแรกรับเปิดเทอม

“ไพรินทร์” เร่งยิก ซื้อรถเมล์ NGV บอร์ด ขสมก.คาดอนุมัติจัดซื้อลอตแรก 489 คัน วันที่ 20 ธ.ค.นี้ ส่งมอบ 100 คันแรก มี.ค. 2561 วิ่งบริการก่อนเปิดเทอม จ่อปรับ “ช ทวี” ติดตั้งระบบ E-ticket และกล่องเก็บค่าโดยสารล่าช้า

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เร่งการประมูลซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน วงเงิน 4,020 ล้านบาท โดยอยากให้ ขสมก.จัดหารถเมล์ให้ได้ภายในช่วงเดือน พ.ค. 2561 เพื่อให้นักเรียนได้ใช้บริการในช่วงเปิดเทอมปี 2561 หลังจากที่ไม่มีรถโดยสารใหม่มาหลายปีแล้ว

ขณะนี้กำลังเจรจาต่อรองราคากับกลุ่มกิจการร่วมค้า SCN-CHO ประกอบด้วย บมจ.สแกนอินเตอร์ และ บมจ.ช ทวี อีกทั้งยังเร่งจัดทำแผนฟื้นฟู ขสมก.ส่งให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาให้เร็วที่สุด

“แนวทางการแก้ปัญหาหนี้สะสมกว่า 1 แสนล้านบาท ให้ ขสมก.เสนอมาว่าจะบริหารยังไง ในอดีตที่ผ่านมา ขสมก.ให้บริการคนใน กทม. และขึ้นตรงกับกระทรวงคมนาคมที่มีนโยบายจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้หลายเรื่อง เช่น การขึ้นค่าโดยสาร ส่งผลให้เกิดภาระทางการเงิน หากท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการอาจจะทำให้การประสานงานดีขึ้น เคยมีงานวิจัยในเรื่องนี้ว่าบทบาท ขสมก.ควรอยู่ตรงไหน และรถร่วมควรมีหรือไม่ ก็ฝากเป็นข้อคิดให้พิจารณา ไม่ใช่ยึดติดกับนโยบายการเมืองที่อาจส่งผลกระทบเป็นเวลานาน” นายไพรินทร์กล่าว และว่า

สำหรับการติดตั้งระบบอ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (E-ticket) ที่ยังส่งมอบไม่ครบ มองว่าในอนาคต หากมีการนำเทคโนโลยีมาใหม่ควรจะมีพื้นที่ทดลองพิเศษก่อนเหมือนวิธีของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ทดลองใช้คิวอาร์โค้ดในการจ่ายเงิน 3-5 เดือนก่อนที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้มั่นใจสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ได้

ด้านนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานคณะกรรมการ ขสมก. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2560 ที่ประชุมได้หารือประเด็นการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ราคาประมูลสูงกว่าราคากลางแต่ไม่เกิน 10% ให้จัดทำเหตุผลกฎหมายให้ชัดเจนเสนอให้บอร์ดพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ หากไม่มีการแก้ไขอะไรก็สามารถลงนามสัญญาภายในเดือน ธ.ค.นี้ และส่งมอบรถ 100 คันแรกภายในเดือน มี.ค. 2561

“ราคาประมูลถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม อาจจะเกินราคากลางแต่ไม่เกินกรอบวงเงินที่ ครม.เคยอนุมัติ 13,000 ล้านบาท ทางฝ่ายบริหารต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และให้นำเข้าที่ประชุมบอร์ดอีกครั้งวันที่ 20 ธ.ค. โดยการจัดหารถโดยสารจะเป็นการนำเข้ามาประกอบบางส่วนจะไม่ได้เสียภาษีนำเข้า 40%” นายณัฐชาติกล่าว และว่า


สถานที่ในการซ่อมบำรุงรักษารถเมล์จะใช้พื้นที่อู่รถของ ขสมก. และอู่รถของเอกชนที่อยู่รอบนอก กทม. สำหรับการติดตั้งระบบอ่านบัตร E-ticket และกล่องเก็บค่าโดยสาร หรือ cash box จำนวน 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาท จาก บมจ.ช ทวี ขณะนี้บริษัทได้ติดตั้งเครื่องอ่านบัตร E-ticket ครบทั้ง 800 คัน และส่งมอบลอตแรก จำนวน 100 คัน ซึ่ง ขสมก.อยู่ในระหว่างตรวจรับ ส่วนกล่องเก็บค่าโดยสารติดตั้งไปแล้ว 570 คัน แต่ยังไม่มีการส่งมอบเนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบระบบ ซึ่งตามสัญญาหากมีความล่าช้าในการส่งมอบ ขสมก.จะดำเนินการปรับตามรายละเอียดในสัญญาการจัดซื้อต่อไป