อัพเดตข้อมูล วันที่ 8 เมษายน 2565 เวลา 07.23 น.
ยุคโควิด 2 ปี (2563-2564) ผลกระทบมีทั้งขั้วบวกและขั้วลบ
โฟกัสธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง มาตรการล็อกดาวน์-ลดเวลาช็อปปิ้งห้างติดแอร์ เป็นขั้วลบอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้ปี 2563 ซึ่งไม่ทันตั้งตัว ผลประกอบการเตี้ยลงเมื่อเทียบกับยุคก่อนโควิด
- Q1 “ITD” สะเทือน 4 แบงก์ใหญ่ ส่อตั้งสำรองเพิ่ม-กำไรหด
- เปิด 10 อันดับ สายงานราชการที่จะเกษียณอายุมากสุดในระยะสิบปี
- เจ้าหญิงเคท แถลงได้รับการวินิจฉัยว่าทรงประชวรด้วยโรคมะเร็ง
ขณะที่วิถีชีวิตใหม่ new normal กับการทำงานที่บ้าน WFH-work from home กลายเป็นขั้วบวกที่เข้ามาชดเชยกันพอดิบพอดี อยู่ที่ “ใคร” จะคว้าโอกาสจากการทำแพลตฟอร์ม O2O (offline to online) พ่วงกับมีบริการที่โดนใจได้มากกว่ากัน
ปี 2564 รายได้-กำไรสีเขียว
“ประชาชาติธุรกิจ” สำรวจผลประกอบการโมเดิร์นเทรดวัสดุ 4 บริษัท ประกอบด้วย “โฮมโปร-CRC ไทวัสดุ-โกลบอลเฮ้าส์-ดูโฮม” (ดูตารางประกอบ)
พบว่าภาพรวมปี 2563 มีรายได้รวมกัน 160,274 ล้านบาท ปี 2564 รายได้ภาพรวมเติบโต 17.02% อยู่ที่ 187,544 ล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิปี 2563 รวมกัน 8,178 ล้านบาท ปี 2564 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 10,878 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตในภาพรวม 33%
โดยผลงานปี 2564 แชมป์รายได้และกำไรยังคงเป็นของ “บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร ซึ่งหากมองเฉพาะเปอร์เซ็นต์การเติบโตอาจไม่มากนัก มีรายได้เติบโต 3.53% เม็ดเงินอยู่ที่ 63,926 ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโต 5.54% อยู่ที่ 5,440 ล้านบาท
หายใจรดต้นคอมาติด ๆ คือ “CRC ฮาร์ดไลน์” ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม ได้แก่ ไทวัสดุ, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, เมบ และเหงียนคิม โดยมีรายได้เติบโต 21.7% จาก 52,232 ล้านบาท เพิ่มเป็น 63,565 ล้านบาท และมี EBITDA เติบโตอยู่ที่ 82.06%
“โกลบอลเฮ้าส์-ดูโฮม” โตพุ่ง
สำหรับ “บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)” หรือโกลบอลเฮ้าส์ มีความโดดเด่นจากรายได้เติบโต 24.72% อยู่ที่ 34,116 ล้านบาท กำไรได้เลขเบิ้ล 3,344 ล้านบาท เติบโต 70.03%
ขณะที่ “บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน)” หรือดูโฮม เม็ดเงินทั้งรายได้และกำไรถือว่ากำลังเริ่มไต่เพดานบิน เพราะแจ้งเกิดช้ากว่าค่ายอื่น ๆ แต่ถ้ามองในมุมเปอร์เซ็นต์ถือว่ามีสีสันมากที่สุด เพราะมีรายได้เติบโตสูงที่สุด 37.5% จาก 18,924 ล้านบาท ขยับเพิ่มเป็น 25,937 ล้านบาท
ฟากกำไรสุทธิโตติดสปริง 150.07% แต่เมื่อมองเม็ดเงินเป็นการเติบโตจาก 727 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 1,818 ล้านบาท ในปี 2564
แข่งขยายสาขา-บุกออนไลน์
ทั้งนี้ ตัวช่วยในการฟื้นตัวของผลประกอบการพบว่า มาตรการเปิดประเทศในไตรมาส 4/64 รวมทั้งการขยายสาขา และผลักดันยอดขายสินค้าและบริการบนออนไลน์เป็นตัวจุดประกายที่ดี
โดยโฮมโปรเปิดสาขาใหม่เพียงสาขาเดียวที่บางนา กม.1 และเปิดเพิ่ม 1 สาขาในประเทศมาเลเซีย ที่มูเทียร่า ดามันซารา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2564 มีโฮมโปร 87 สาขา โฮมโปรเอส 6 สาขา เมกาโฮม 14 สาขา โฮมโปร มาเลเซีย 7 สาขา และโฮมโปร เวียดนาม ที่ทดสอบตลาดด้วยการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง e-Market place เป็นหลัก
ค่ายโกลบอลเฮ้าส์ มีการขยายสาขาในประเทศ 4 แห่ง ที่ “พยัคฆภูมิพิสัย-กบินทร์บุรี-หนองหาน-พาน” เบ็ดเสร็จ ณ สิ้นปี 2564 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 75 สาขา
ถัดมา ค่ายดูโฮมมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาขาเดิม 25.5% รายได้จากสาขาที่ดำเนินการครบปีในปี 2564 ได้แก่ สาขาสุรินทร์-มาบตาพุด และ Dohome ToGo 6 สาขา นอกจากนี้มีรายได้จากสาขาใหม่ที่เปิดในปี 2564 จำนวน 4+2 สาขา ที่ “แหลมฉบัง-บ่อวิน-ชลบุรี-สุราษฎร์ธานี” และ Dohome ToGo 2 สาขา