“ไมเกรน” ไม่ใช่แค่อาการปวดศีรษะ เพราะนอกจากจะเป็นอาการที่พบทุกเพศ และพบได้ประมาณ 15% ของประชากรไทย โดยพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายถึง 3 เท่า พบบ่อยในช่วงอายุ 18-55 ปี ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด โดยไมเกรนเป็นโรคทางระบบประสาท ที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งผู้ป่วยที่ปวดศีรษะไมเกรนมักปวดศีรษะข้างเดียว อาการอาจรุนแรงจนทำให้การเรียนหรือการทำงานเสีย เพราะในขณะที่มีการเคลื่อนไหวหรือทำกิจวัตรประจำวัน อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไม่อยากเห็นแสงจ้า และไม่อยากได้ยินเสียงดังร่วมด้วย และในบางคนมีอาการปวดบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้น และยาวนานขึ้น จนกลายเป็นอาการ “ปวดหัวเรื้อรัง (Chronic Migraine)”
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine) คือ ปวดศีรษะอย่างน้อย 14 วันต่อเดือนขึ้นไป และมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้น ความถี่การปวดมากขึ้น ตลอดจนรับประทานยารักษาไม่ได้ผล
- เช็กที่นี่ ออมสิน-ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อปิดหนี้นอกระบบ 20,000 บาท ใครกู้ได้บ้าง!
- กรุงเทพฯ กปน.หยุดจ่ายน้ำ 21 มี.ค. 18 พื้นที่ รับมือน้ำไม่ไหล เช็กที่นี่
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
การป้องกันอาการปวดหัวจากโรคไมเกรนมีมากมายหลายวิธี เช่น การหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น การออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีการรักษาไมเกรน (Migraine) ด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การใช้ ยาแก้ปวดไมเกรน การใช้วิตามินหรือเกลือแร่ การใช้ยาฉีดร่วมกันหลายชนิด การฝังเข็ม และการทำกายภาพบำบัด เป็นต้น
รวมไปถึงทางเลือกใหม่ (New Generation Treatment) การรักษาภาวะปวดศีรษะไมเกรนด้วยการฉีดยารักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์หรือ Botulinum Toxin ซึ่งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์นำมาใช้รักษา ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว เชื่อว่าสามารถลดการทำงานของปลายประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง จึงสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน และลดความถี่ของอาการปวดหัวไมเกรนได้
โดยแพทย์จะฉีด Botulinum Toxin รอบ ๆ ศีรษะ บ่า ไหล่ จำนวน 30-40 จุด ซึ่งฉีด Botulinum Toxin รักษาไมเกรน ได้การรับรอง US. FDA Approved ตั้งแต่ปี 2010
นายแพทย์ปริญญ์ บุญชัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา “BTX Migraine Center” เผยรักษาไมเกรนด้วย Botulinum Toxin จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับการช่วยลดการเกิดอาการของโรคไมเกรนได้ ด้วยผลการวิจัยรองรับว่า สามารถช่วยลดการใช้ยาและลดผลข้างเคียงจากการรับประทานยาได้มากกว่า 90% ลดความถี่ และความรุนแรงของไมเกรนดีขึ้น 70% ซึ่งต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง
นอกจากนี้การฉีดรักษาไมเกรนด้วย “Botulinum Toxin” ยังพบว่าผู้รับการรักษาด้วยการฉีด โบท็อกซ์ไมเกรน ริ้วรอยที่บริเวณหน้าผากลดน้อยลงด้วย ถือเป็นผลพลอยได้ที่สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เข้ารับการรักษา ไม่เพียงแต่ทำให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้ดูอ่อนวัยลงได้ด้วย ทั้งนี้การรักษาไมเกรน (Migraine) ยังมีวิธีการรักษารูปแบบอื่นอีก ได้แก่ การให้ยาทาน การใช้วิตามินหรือเกลือแร่ การใช้ยาฉีด การฝังเข็ม และการทำกายภาพบำบัด เป็นต้น
ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจ หรือมีปัญหาเรื่องไมเกรน ต้องการเข้ารับการปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา “BTX Migraine Center” ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่เอยาคลินิก สาขาลาดพร้าววัน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์
สามารถติดต่อได้ที่ Call Center : 09-0970-0447
Line : @ayaclinic
Facebook : https://www.facebook.com/btxmigraine/
Website : http://www.migrainethailand.com/