“แพท พาวเวอร์แพท” จากวันที่ฟ้าหม่นสู่วันฟ้าใส ส่งมอบกำลังใจบนเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ”

แพท พาวเวอร์แพท

“ขอโทษพ่อแม่ที่เคยทำร้ายให้ท่านเสียใจ ลูกคนนี้ได้ทำพลาดไป ทุกๆ การกระทำ ครั้งนี้ลูกขอชดใช้เพียงผู้เดียว แค่สักครั้ง ขอโอกาสให้ฉันได้เป็นคนดีคนเดิม อย่างวันนั้น ที่จะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง รู้แล้วสิ่งที่ทำ ฉันจะแก้ไข จากนี้ไป จะไม่มีอีกแล้ว คนเลวที่เป็นเมื่อก่อนนั้น ก็เพียงแค่ขอให้สักคนที่เข้าใจ ฉันพร้อมจะเริ่มใหม่ กลับไปเป็นคนดีกว่าเดิม”

บทเพลง “คนดีคนเดิม” จาก “แพท พาวเวอร์แพท” ที่มาขับกล่อมบนเวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดโดยบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ แสดงให้เห็นเส้นทางชีวิตสู่วันฟ้าหลังฝนของอดีตศิลปินวัยรุ่นชื่อดังที่ก้าวพลาดเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วได้เป็นอย่างดี

ย้อนไปช่วงปี 2543 วัยรุ่นยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักวงพาวเวอร์แพท โดยเฉพาะนักร้องนำอย่าง แพท – วรยศ บุญทองนุ่ม ด้วยวัยเพียง 19 ปี แต่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพศิลปินได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเชื่อว่าเส้นทางของเขาในวงการนี้จะรุ่งโรจน์ไปอีกไกล ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ชะตาชีวิตของแพท กลับต้องไปใช้ชีวิตถึงเกือบ 17 ปี หลังกำแพงสูงที่เรียกว่าคุก เพราะหลงทาง เข้าไปในวังวนของยาเสพติด

“ทั้งๆ ที่โตมาในครอบครัวที่เรียกว่าสมบูรณ์ ฐานะปานกลาง และชัดเจนมาตลอดว่าอยากเป็นนักดนตรี ก็เดินตามเส้นทางนี้จนประสบความสำเร็จ พอเข้าช่วงวันรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ ขาดประสบการณ์ หัวรั้น ไม่ฟังใคร มีความคิดแบบผิดๆ อยากออกนอกลู่นอกทาง ค้นหาเส้นทางของตัวเอง อยากได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง คิดว่าสิ่งที่ทำมันเท่ห์ บวกกับเชื่อมั่นในตัวเองสูง ตอนนั้นลองทุกอย่าง อบายมุข ยาเสพติดที่หาได้ จากที่เคยมีสังคมดีๆ การงานดีๆ มันก็ดึงออกห่างหมด เพราะคนเริ่มเห็นเราเปลี่ยนไป อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม เราห่างไกลจากโลกดีๆ มากขึ้น และในที่สุดก็เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของการค้า จนเรื่องราวลงเอยอย่างที่เป็นข่าว”

คดีสิ้นสุดศาลมีคำพิพากษาจำคุกถึง 50 ปี แม้จะได้รับการลดหย่อนจากการสารภาพแล้ว และปรับอีก 1 ล้านบาท นั่นเป็นจุดเปลี่ยนแรกที่ทำให้เขากลับมาเห็นสิ่งที่ตนมีอยู่มานานแต่ไม่เคยเห็นค่า แถมยังแสวงหาสิ่งนี้จากคนอื่นไม่รู้จบก็คือ ความรักความห่วงใยจากครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่

“เสียใจที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ร้องไห้ ทำให้คุณพ่อโทษตนเองตลอดมาว่า ถ้าเขาใส่ใจและดูแลเราให้เข้มงวดกว่านี้ ให้เวลาเรามากกว่านี้ จะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น คุณแม่ร้องไห้แทบทุกครั้งในช่วงแรกๆ ที่มาเยี่ยม เราเสียใจทุกครั้งที่เห็นน้ำตาแม่”

ภายใต้การถูกจำกัดอิสรภาพ ทำให้มีโอกาสทบทวนถึงความผิดพลาด สุดท้ายคำตอบที่ได้คือ ตัวเราเองทำตัวเอง ตัวเราเองเลือกเองไม่มีใครหนีพ้นผลการกระทำของตัวเองแน่นอน “กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด” ได้รู้ว่าตนมีครอบครัวที่ดีมาก ในวันที่หมดสิ้นทุกอย่าง ตกต่ำที่สุดคุณพ่อ คุณแม่ และคนในครอบครัวไม่เคยทอดทิ้ง

“ได้แต่งเพลงสิ่งสมมุติขึ้นมา เกิดจากการตกตะกอนในเรือนจำว่า สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์เกิดมาอยากไขว่คว้า อยากมีอยากได้ สุดท้ายมันก็วนอยู่กับเรื่องกิเลสความโลภ ซึ่งระหว่างนั้นมันอาจทำให้เราหลงทาง ล่อลวงเราไปสู่ทางตกต่ำ ตกเหว เกิดการทำร้ายทำลายชีวิตตัวเอง เป็นกับดักชีวิตที่เราสร้างขึ้นมาจากกิเลสของเราเอง”

ด้วยกรมราชทัณฑ์ปลูกฝังผู้ต้องขังทุกคนเรื่องศาสนา โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา กิจวัตรประจำวันมีทั้งการสวดมนต์ ฟังธรรมะ มีหลักสูตรสมาธิ มีการนิมนต์พระสงฆ์เข้ามาเทศน์ หรือรับบาตรในโอกาสวันสำคัญต่างๆ ทำให้แพทได้ซึมซับเรื่องบาปบุญคุณโทษ ทบทวน และพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง ควบคู่ไปกับการพัฒนาเพิ่มศักยภาพ ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี เรียนหลักสูตรต่างๆ ที่มีเปิดสอน

“ช่วงที่อยู่ข้างในสิ่งที่พบความสงบ และพบคุณค่าในตัวเองส่วนใหญ่มาจากการเขียนรูป สนใจศิลปะมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้มีโอกาสได้ลงมือทำ พอเห็นเขามีสอน เห็นเพื่อนวาดรูปฆ่าเวลา จึงลองจากอุปกรณ์แบบพื้นๆ พอชิ้นงานออกมาเห็นว่าพอไปได้ จึงฝึกหัดอย่างจริงจัง หัดเขียนไปเรื่อยๆ เราเกิดสมาธิเพราะเราจดจ่อกับงาน ทำให้เราเกิดความเพียรด้วย เพราะงานศิลปะต้องใช้เวลานาน พอเห็นผลงานก็รู้สึกมีความสุข ยิ่งคนอื่นมาเห็นงานเราแล้วชอบยิ่งอิ่มเอิบ งานทุกอย่างก็เช่นกัน มันอาจจะไม่ง่าย อาจจะต้องใช้เวลา แลกมากับอะไรมากมาย แต่วันหนึ่งถ้าเราอดทนและฟันฝ่าไปได้ เมื่อมันสำเร็จ จะรู้สึกดีใจ มีความสุข ภูมิใจในตนเอง และรู้สึกถึงคุณค่าในงานในชีวิตได้ แม้วันนี้จะยังไม่สำเร็จ แต่เรามุ่งมั่นไปทุกวัน ชีวิตเรามีเป้าหมาย เราจะรู้สึกถึงคุณค่าในการตื่นขึ้นมาทำทุกวัน”

หลังจาก 16 ปี 8 เดือน ที่ได้รับพระกรุณาธิคุณลดหย่อนโทษมาเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวในวัยหลักสี่ ได้นำผลงานที่สะสมจากข้างในรั้วกำแพงทั้งรูปวาด เพลงที่แต่ง ออกมาสร้างรายได้สุจริต ได้กลับมาเล่นดนตรี

ถ้าชีวิตตอนนี้คือฟ้าหลังฝน แม้ฝนจะตกหนักและนานเพียงใด แต่ฝนก็จะหยุดตกในที่สุด ก็เหมือนชีวิตของแพท พาวเวอร์แพทในวันนี้ที่ฟ้าแจ่มใส และกลายมาเป็นอีกคนหนึ่งที่ส่งมอบบทเรียนดีๆ เป็นกำลังใจ แรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายๆ คน

“ในวันที่ยังไม่สำเร็จ หลายคนอาจจะดูถูก เสียดสี สบประมาท เราไม่ต้องไปสนใจ เพราะในสังคมมีแบบนี้เยอะ บางคนอาจจะหมดกำลังใจ ไปกับคำพูดหรือการกระทำ ให้เรารู้อยู่ว่าเราทำอะไร ถ้าเราทำในสิ่งที่ดี ตั้งใจทำ มันจะประสบความสำเร็จแน่นอน” แพท พาวเวอร์แพท ส่งท้าย

พบกับธรรมะข้อคิดดีๆ แบบนี้ได้ที่เวที “เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ” จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันศุกร์ ดำเนินอย่างต่อเนื่องมากว่า 25 ปีแล้ว สามารถติดตามรับฟังสด และย้อนหลังได้ทาง facebook CPALL