โมเดลการรักษาโรคหัวใจระดับเวิลด์คลาส สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

บำรุงราษฏร์

ด้วยประเทศไทยกำลังก้าวสู่ผู้สูงอายุ และหนึ่งในปัญหาสุขภาพหลักๆ ของผู้คนทั่วโลก ก็คือ ‘โรคหัวใจ’ซึ่งมักจะพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2563 องค์การอนามัยระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 17.9 ล้านคน ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขไทย มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดกว่า 58,000 รายต่อปี หรือ 7 คนต่อชั่วโมง และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

บำรุงราษฏร์ 2

สถาบันโรคหัวใจโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ก่อตั้งขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้เกิดการดูแลรักษาที่ดีที่สุดให้กับ ผู้ ป่วยทั้งในระดับภูมิภาคเอเชียและในระดับสากล ศ.นพ.กุลวี เนตรมณี ผู้อำนวยการสถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ แปซิฟิกริม ลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา เล่าให้ฟังว่า “ในฐานะที่คลุกคลีและทำงานในประเทศที่ให้ความสำคัญทางการแพทย์ระดับโลก มากกว่า 30 ปี ผมมองว่าปัจจัยที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมาย ต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ซึ่งขอย้อนไปสัก 7-8 ปีที่แล้ว ผู้บริหารบำรุงราษฎร์ได้ทาบทามผม ซึ่งในขณะนั้นบำรุงราษฎร์มีความพร้อมในทุกด้านแล้ว แต่มีอีกสิ่งที่ต้องการพัฒนาให้มากขึ้น คือ ‘การวิจัย’ เพื่อส่งเสริมให้ ‘สถาบันโรคหัวใจ’ เกิดการดูแลรักษาที่ดีที่สุดให้กับผู้ป่วยในภูมิภาคของเราหรือผู้ป่วยในระดับสากล และมุ่งมั่นเพื่อก้าวสู่ผู้นำโรงพยาบาลเอกชนของประเทศไทยที่ทัดเทียมกับมาตรฐานโลก จึงได้นำโมเดลของสถาบันวิจัยของผมที่สหรัฐอเมริกา มาสร้างที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่ได้มีการพัฒนามากขึ้นไปอีก โดยทั้งบำรุงราษฎร์เองแล้วก็ตัวผมก็ได้ร่วมกันพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
บำรุงราษฏร์ 3สถาบันโรคหัวใจมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการสุขภาพระดับสากลของการรักษาโรคหัวใจผิดปกติเพื่อ ให้บริการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยทั่วโลก ซึ่งมาจากที่ใดก็ได้บนโลก แล้วก็โรคใดก็ได้ที่เกี่ยวกับหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งหากที่ใดบนโลกทำได้ สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ เราก็ทำได้แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันผมก็ได้รับมอบหมายจากบำรุงราษฎร์ให้ทำวิจัยเพื่อที่จะหาแนวทางการรักษาใหม่ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีขึ้น และรักษาได้ดีกว่าที่ผ่านมา และหวังว่าจะเป็น ‘ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์’ ในการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดปกติ รวมถึงทุกปัญหาของโรคหัวใจได้อย่างครอบคลุม และต้องพิสูจน์ได้จริง

และอีกประการสำคัญคือ บำรุงราษฎร์ลงทุนในเรื่องอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์สูงมาก ซึ่งบางอย่างก็ไม่อาจจะได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา สำหรับปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยยกระดับสถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์นั้น ประกอบด้วย การมีทีมแพทย์ที่ชำนาญการและมีประสบการณ์ บุคลากรทางการแพทย์ที่เก่ง และมีศูนย์ฝึกอบรมเพื่อให้แพทย์ได้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีผลงานวิจัยใหม่ๆ ที่นำมาต่อยอดหรือวินิจฉัยและรักษาได้จริง มีผลลัพธ์ทางคลินิกที่น่าพึงพอใจ และมีสถิติผลสำเร็จในการรักษาที่ดี ที่สำคัญคือการมีพันธมิตรที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ศ.นพ.กุลวี กล่าวต่อว่า ทุกปัจจัยจะช่วยสนับสนุนให้สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์คงมาตรฐานอยู่ในระดับ World Class ปัจจุบัน สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ เรามีบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางที่พรั่งพร้อม สามารถรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อน ต้องการการรักษาขั้นสูง รวมถึงการทำงานร่วมมือกันอย่างแข็งแกร่งทีมแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพหลากหลายสาขาที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วยและการทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีที่สุดและมีคุณภาพมากที่สุด

โดยให้บริการการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจอย่างครอบคลุม อาทิ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจล้มเหลว โครงสร้างของหัวใจผิดปกติ โรคหัวใจที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด และการคัดกรองและการส่งเสริมสุขภาวะของหัวใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการซับซ้อน หรือผู้ที่ต้องการการรักษาขั้นสูง โดยมีทีมแพทย์และทีมสหสาขาวิชาชีพทำงานร่วมกันแบบไร้รอยต่อ นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังมีแผนก Cardiac Care Unit (CCU) ที่ดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นวิกฤต และผู้ป่วยหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็ว สามารถกลับมาทำงาน เล่นกีฬา มีครอบครัวและมีบุตรได้ เปรียบเสมือนได้ชีวิตใหม่กลับคืนมาอีกครั้ง

ADVERTISMENT

ที่ผ่านมา ผมได้นำงานวิจัยมาต่อยอดพัฒนาการแพทย์ด้านการรักษาโรคหัวใจ ได้แก่ การวิจัยที่ทำให้ทราบสาเหตุของการเกิด ‘โรคใหลตาย’ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นคนแรกในประเทศไทยและในโลก และการนำนวัตกรรม CardioInsight เพื่อตรวจวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะมาใช้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกและเป็นแห่งที่ 3 ของโลก และเป็นผู้ริเริ่มการรักษาหัวใจผิดจังหวะชนิดเรื้อรังและชนิดชั่วคราว โดยการจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (CFAE ablation) เป็นครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชีย

ในวันนี้ ผมเชื่อว่าเราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกับบำรุงราษฎร์แล้ว ก็คือ การค้นพบวิธีการรักษาใหม่ๆ ที่เราได้นำมาใช้แล้ว แล้วก็มีหลายประเทศให้ความสนใจเรื่องที่เราทำและมาขอดูงานของจริงที่บำรุงราษฎร์ ทั้งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ซึ่งเรามีงานวิจัยหลายอย่างที่บำรุงราษฎร์ แล้วก็มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาใช้ ซึ่งการที่จะพิสูจน์ว่างานวิจัยใช้ได้ผลจริงหรือไม่ จะต้องนำมาปฏิบัติจริงด้วย ซึ่งที่สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ได้นำมาปฏิบัติทุกวันและหมั่นฝึกฝนเพื่อให้เกิดแนวทางการรักษาผู้ป่วยให้ดีที่สุด โดยมีงบประมาณสำหรับการทำวิจัยอย่างจริงจัง ยกตัวอย่าง ผู้ป่วยที่ใหลตาย แล้วเราก็เจอว่ามีความผิดปกติอย่างไร เรามีวิธีการรักษาอย่างไร ด้วยการจี้พังผืดบริเวณพื้นผิวของหัวใจห้องข้างล่างข้างขวา ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะไม่มีเงินรักษา ซึ่งบำรุงราษฎร์ก็ช่วยรักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และเพื่อเป็นงานวิจัยควบคู่กันไปด้วย โดยก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะวินิจฉัยพบความผิดปกติในส่วนนั้น ทำให้ไม่รู้ว่าผิดปกติจากส่วนไหน ซึ่งพบได้ในงานวิจัยนี้ ซึ่งเป็นผลงานจากเมืองไทย และเป็นคนแรกของโลกที่เราทำการรักษาด้วยการจี้แล้วเป็นผลสำเร็จ ทำให้มีผู้คนสนใจและขอเข้ามาดูผลงานที่บำรุงราษฎร์

ADVERTISMENT

บำรุงราษฏร์ 4
สำหรับโรคหัวใจบางกลุ่มบางชนิด อาจมีความเชื่อมโยงกับพันธุกรรม แต่บางโรคบางภาวะ เช่น ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial fibrillation) ซึ่งกรรมพันธุ์ในปัจจุบันนี้เริ่ม advance ขึ้น มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้น ปัจจุบันทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ก็ได้ร่วมกันทำ Whole Genome Sequencing เทคโนโลยีถอดรหัสพันธุกรรมนำมาใช้ในการวิเคราะห์ DNA (สารพันธุกรรม) หาความเสี่ยงในการเกิดโรค และก็มีผลงานตีพิมพ์ขึ้นมา ศ.นพ.กุลวี กล่าวปิดท้าย ด้วยเจตนารมณ์ของผมที่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และนำความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาในระดับโลกตลอดระยะ เวลากว่า 30 ปี มาถ่ายทอดองค์ความรู้เทคนิคการรักษาใหม่ๆ และนำมายกระดับความเป็นเลิศด้านการแพทย์ของสถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ รวมถึงแบ่งปันความรู้และเทคนิคการรักษาให้แก่ศูนย์โรคหัวใจ ให้แก่นักศึกษาแพทย์ และแพทย์ทั้งจากในประเทศไทยและทั่วโลก โดยใช้ ‘สถาบันโรคหัวใจ’ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้จัดฝึกอบรมให้แก่แพทย์ด้านโรคหัวใจ เพื่อช่วยยกระดับวงการแพทย์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก และอยากเห็นผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น