
หลังประสบความเร็จต้นไม้รอดกว่า 80-90% สิงห์อาสา โดย มูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี และ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ร่วมกับ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เดินหน้าโครงการ “ไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3
โดยชุมชนต้นแบบ 6 หมู่บ้าน ในอ.เมือง และอ.หางดง เป็นพื้นที่อาสาปกป้องชายขอบไม่ให้ไฟป่าลุกลามทำลายผืนป่าอุทยานแห่งชาติฯ ตอกย้ำแนวคิด “คนอยู่ได้ ป่าอยู่รอด สัตว์ได้พึ่งพิง” เนื่องจากระยะเวลา 2 ปี พบว่า สามารถสร้างพื้นที่ปลูกป่าใหม่ให้รอดชีวิตได้แล้วกว่า 80-90% ตั้งแต่ปีแรกของโครงการ โดยใช้วิธีการกำหนดฤดูปลูก คัดเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับพื้นที่และผู้คนใช้ประโยชน์ได้ รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนโครงการ ทั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น บริษัท เชียงใหม่เบเวอเรช จำกัด บริษัทในเครือบุญรอดฯ, สภาลมหายใจเชียงใหม่, เทศบาลตำบลบ้านปง, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่1 (เชียงใหม่), พร้อมด้วยเครือข่ายนักศึกษาสิงห์อาสาภาคเหนือ 13 สถาบัน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์บรรจง สมบูรณ์ชัย อดีตอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในฐานะนักวิชาการที่ปรึกษาในโครงการ อธิบายว่า “จังหวัดเชียงใหม่ประสบปัญหาไฟป่าฝุ่นควันมายาวนานและมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทรัพยากรดิน น้ำ ป่า สัตว์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ล้วนได้รับผลกระทบทั้งสิ้น การดำเนินโครงการ “ไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน” จึงมุ่งเน้นการปลูกต้นไม้เข้าไปเสริมในพื้นที่ป่าที่ถูกทำลาย และขยายพื้นที่ปลูกต้นไม้บริเวณรอบๆ อุทยานฯ กับชุมชน เพื่อป้องกันการถอยร่นของแนวป่า และยังเป็นแนวกันไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเข้าไปในพื้นที่อุทยานฯ อีกด้วย ชุมชนโดยรอบอุทยานฯ คือ ผู้มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้การปลูกต้นไม้มีอัตรารอดสูงและเติบโตเป็นไม้ใหญ่ยืนต้นให้ร่มเงาได้อย่างยั่งยืน พันธุ์ไม้ที่นำไปปลูกเป็นไม้ใช้สอยและไม้ผลที่เหมาะสมกับพื้นที่ ไม่เป็นศัตรูต่อระบบนิเวศ มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของคนและสัตว์ เช่น หว้า มะเกี๋ยง ไทร ฯลฯ เมื่อนำไปปลูกบนพื้นที่เป้าหมายในฤดูกาลที่เหมาะสม โดยชุมชนเป็นกำลังสำคัญช่วยกันดูแลรักษา ไม้เหล่านี้จึงมีโอกาสได้เติบโตและรอดชีวิตสูงกว่า 80-90% หากทำได้อย่างต่อเนื่อง เราจะได้ระบบนิเวศกลับคืนมาเป็นแหล่งดูดซับกรีนคาร์บอนที่สำคัญ และผืนป่าที่กลับมาอุดมสมบูรณ์จะช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สอดรับแนวคิดที่ว่าคนอยู่ได้ ป่าอยู่รอด สัตว์ได้พึ่งพิง”
ด้าน คุณรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ปีแรกของโครงการไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน บุญรอดฯ มุ่งสนับสนุนให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ สร้างองค์ความรู้ให้ทุกคนเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อผืนป่ากลับคืนมา เริ่มจากการเลิกเผา เริ่มปลูก และร่วมกันดูแล เมื่อระบบนิเวศดีขึ้น ชีวิตก็ดีขึ้น สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปใช้ประโยชน์ มีอาชีพเกิดรายได้ มีแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติ เมื่อชุมชนหยุดการเผา ปัญหาไฟป่าหมอกควันก็จะลดลง ผู้คนสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข สัตว์น้อยใหญ่ได้พึ่งพิง ผืนป่าอยู่รอดเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไป เป็นการปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้ผลอย่างแน่นอน”
ผศ.บรรจง ที่ปรึกษาโครงการฯ ได้เผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนต่อไปจะส่งเสริมความรู้เรื่องการเพาะเห็ดป่าไมคอร์ไรซาให้แก่ชุมชน ซึ่งเป็นกลุ่มเห็ดในวงศ์ที่กินได้ไม่มีพิษ เช่น เห็ดเผาะ กลุ่มเห็ดระโงก กลุ่มเห็ดตะไค เห็ดตับเต่า ฯลฯ โดยเมื่อนำเชื้อเห็ดแต่ละชนิดใส่ในต้นไม้ พืชป่า ไม้ผลกินได้ชนิดต่างๆ ที่จะปลูกลงดิน หัวเชื้อเห็ดจะอาศัยอยู่ในรากฝอยของต้นไม้ เจริญเติบโตอย่างเกื้อกูลกัน ชุมชนสามารถเก็บผลผลิตไปปรุงอาหารและจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี ลดปัญหาการเผาเพื่อเก็บของป่า และยังฟื้นฟูคุณภาพดินให้มีสารอาหารสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกไม้อื่นๆ ต่อไป”
โครงการไม้ยืนต้น ป่ายั่งยืน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 เพื่อต่อสู้กับวิกฤตการณ์ไฟป่าหมอกควัน และเพิ่มพื้นที่สีเขียวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนองค์ความรู้ให้ชุมชนเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดจากการเผาและการตัดไม้ ที่ส่งผลกระทบในเชิงสุขภาพ ต่อเนื่องไปถึงคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ลดทอน และระบบเศรษฐกิจชุมชนที่ต้องพึ่งพาภาคการท่องเที่ยว เป็นการแก้ไขปัญหาโดยเริ่มจากการชุมชนเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การถอดบทเรียนโมเดลการแก้ปัญหาที่ชุมชนอื่นๆ สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเองได้อย่างแท้จริง