
ตลาดโซล่าร์เซลล์ (PV) ของไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น กระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้า ความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงความสำคัญและเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์มากขึ้น รวมถึงการใช้งานในรูปแบบการกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจรระดับไฮเอนด์ที่เพิ่มสูงขึ้น
SolarEdge ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2024 ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดโซล่าร์เซลล์ในประเทศไทย
ผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย:
SolarEdge TerraMax 330kW Inverter: อินเวอร์เตอร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์บนพื้นดินและลอยน้ำเป็นจำนวนมาก มอบประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูง พร้อมระบบติดตามการทำงานแบบรายแผง ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
SolarEdge ONE: แพลตฟอร์มการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานบนคลาวด์สำหรับกลุ่มพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรม (C&I) และ EPC โดยมาพร้อมเครื่องมือขั้นสูงสำหรับการบริหารจัดการด้าน O&M อย่างมีประสิทธิภาพ
SolarEdge Three Phase Home Solution: โซลูชั่นนี้ตอบโจทย์ตลาดระบบโซล่าร์สำหรับกลุ่มที่อยู่อาศัยที่กำลังเติบโต SolarEdge จึงได้เปิดตัว SolarEdge Home Three Phase Solution โซลูชั่นครบวงจรที่ประกอบด้วยอินเวอร์เตอร์สามเฟส 10kW และแบตเตอรี่ 48V เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสดงอาทิตย์ในบ้านเรือน และก้าวสู่การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
เอนอร์ อัลเตอร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ SolarEdge กล่าวว่า ตลาดโซล่าร์เซลล์ไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีความต้องการระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจรเพิ่มขึ้น ในกลุ่มที่พักอาศัยที่มีความต้องการระบบกักเก็บพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่ามีความต้องการติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์บนพื้นดินและแบบลอยน้ำเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่ง SolarEdge ให้บริการโซลูชั่นเหล่านี้แบบครบวงจร
วีรุจน์ เตชะสุวรรณา ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ SolarEdge ระบุว่า ภาพรวมตลาดโซล่าร์เซลล์ในไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แซงหน้าประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนวโน้มเชิงบวกนี้ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนทั้งในเรื่องการติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์และการเชื่อมต่อกับกริด ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนต่าง ๆ ความชัดเจนของนโยบายจึงเอื้อต่อการขยายตัวของตลาดและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในภาคธุรกิจโซล่าร์เซลล์ของไทย
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วโลก แต่แนวโน้มของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงสดใส ในขณะที่ตลาดโลกอย่างสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แต่ตลาดโซล่าร์เซลล์ของไทยและภูมิภาคนี้กลับแสดงให้เห็นแนวโน้มที่แตกต่างออกไป โดยระบบโซล่าร์เซลล์ยังคงถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงิน เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่าง ๆ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดโซล่าร์เซลล์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในภูมิภาค ดังนั้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจเศรษฐกิจโลกจะน่ากังวล การติดตั้งโซล่าร์เซลล์ยังคงเป็นการลงทุนที่น่าสนใจและมีศักยภาพ