
ทำไม iPhone ถึงครองตลาดมาได้อย่างยาวนาน? แน่นอนว่าต้องเป็นความเฉพาะตัวของระบบปฏิบัติงานที่ลื่นไหล การใช้งานที่เสถียร สเปคที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นหรือต้องการเปลี่ยนมาใช้งาน iPhone อาจจะกำลังชั่งใจว่าจะเลือกใช้รุ่นไหนดี แต่ละรุ่นต่างกันยังไง ไลฟ์สไตล์ของตัวเองตอบโจทย์กับ iPhone รุ่น บทความนี้ มีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำ!
1.iPhone 15 Pro Max
iPhone 15 Pro Max โทรศัพท์รุ่นท็อปจากซีรีส์ iPhone 15 จุดเด่นด้วยตัวกล้องที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปภาพ วิดีโอ หรือฟีเจอร์อื่น ๆ ด้วยกล้องถึง 4 ตัว (Quad-Camera) พร้อมหน้าจอขนาดใหญ่เต็มตา เพิ่มความเต็มอิ่มให้กับคุณ โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 48,900 บาท มีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ขนาดตัวเครื่อง : 6.7 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ : 1290 x 2796 (460 ppi)
- หน่วยประมวลผล : A17 Pro Hexa Core (2+4)
- RAM : 8GB
- ROM : 256GB/512GB/1TB
- แบตเตอรี่ : 4,422 mAh
- กล้อง : กล้องหลัก 48MP, กล้องเลนส์ Telephoto 12MP, กล้องเลนส์ Ultrawide 12MP, กล้อง TOF 3D LiDAR scanner (Depth), กล้องหน้า 12MP
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
2.iPhone 15 Pro
อีกหนึ่งรุ่นสเปคสูงจากซีรีส์เดียวกัน iPhone 15 Pro เองก็มีจุดเด่นที่ Quad-Camera เช่นเดียวกัน แต่ด้วยขนาดหน้าจอที่เล็กลงมา นั่นทำให้ iPhone รุ่นนี้สามารถพกพาได้เหมาะถนัดมือ ทั้งยังมีหน่วยประมวลผลเป็น A17 Pro ที่นับเป็นชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของ Apple อีกด้วย โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 41,900 บาท และมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ขนาดตัวเครื่อง : 6.1 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ : 1179 x 2556 (460 ppi)
- หน่วยประมวลผล : A17 Pro Hexa Core (2+4)
- RAM : 8GB
- ROM : 128GB/256GB/512GB/1TB
- แบตเตอรี่ : 3,274 mAh
- กล้อง : กล้องหลัก 48MP, กล้องเลนส์ Telephoto 12MP, กล้องเลนส์ Ultrawide 12MP, กล้อง TOF 3D LiDAR scanner (Depth), กล้องหน้า 12MP
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
3.iPhone 15 Plus
ใครที่ชอบการใช้งานแบบเต็มวันโดยไม่ต้องพกแบตสำรองหรือเสียบชาร์จเพิ่มเติม iPhone 15 Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่อึดทน สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน หมดปัญหาการใช้งานที่ไม่ลื่นไหล โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 37,900 บาท และมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ขนาดตัวเครื่อง : 6.7 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ : 1290 x 2796 (460 ppi)
- หน่วยประมวลผล : A16 Bionic Hexa Core (2+4)
- RAM : 6GB
- ROM : 128GB/256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 4,383 mAh
- กล้อง : กล้องหลัก 48MP, กล้องเลนส์ Ultrawide 12MP, กล้องหน้า 12MP
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
4.iPhone 15
สำหรับใครที่ต้องการใช้งานโทรศัพท์ในชีวิตประจำวัน iPhone 15 ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ, การเล่นเกม, การดูหนัง, การฟังเพลง หรือจะเป็นการใช้งานคู่กับแท็บเล็ตและคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้โดยไม่มีสะดุด เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มทำความรู้จักกับ Apple อย่างมาก โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32,900 บาท และมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ขนาดตัวเครื่อง : 6.1 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ : 1179 x 2556 (460 ppi)
- หน่วยประมวลผล : A16 Bionic Hexa Core (2+4)
- RAM : 6GB
- ROM : 128GB/256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 3,349 mAh
- กล้อง : กล้องหลัก 48MP, กล้องเลนส์ Ultrawide 12MP, กล้องหน้า 12MP
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 17
5.iPhone 14
มาถึงรุ่นสุดท้ายอย่าง iPhone 14 ที่ได้เปิดตัวและวางขายไปในปี 2023 iPhone รุ่นนี้มีดีไซน์ที่หลากหลาย ทั้งสีพื้นใช้งานง่ายอย่างสีมิดไนท์ และ สีสตาร์ไลท์ พร้อมกับสีเฉพาะแบบพิเศษคือ สีฟ้า สีม่วง และสีเหลือง ให้ผู้ที่ชื่นชอบการใช้งานโทรศัพท์มีตัวเลือกด้านดีไซน์มากยิ่งขึ้น โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,900 บาท และมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้
- ขนาดตัวเครื่อง : 6.1 นิ้ว
- ความละเอียดหน้าจอ : 1170 x 2532 (460 ppi)
- หน่วยประมวลผล : A15 Bionic Hexa Core (2+4)
- RAM : 6GB
- ROM : 128GB/256GB/512GB
- แบตเตอรี่ : 3,279 mAh
- กล้อง : กล้องหลัก 12MP, กล้องเลนส์ Ultrawide 12MP, กล้องหน้า 12MP
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
สรุป
หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า iPhone ที่กำลังได้รับความนิยมมีข้อมูลแตกต่างกันอย่างไรบ้าง หลายคนก็อาจพบกับรุ่นที่ถูกใจ เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง และอาจมีคำถามต่อว่า ควรซื้อ iPhone ที่ไหนดีถึงจะได้ความคุ้มค่ามากที่สุด เราขอแนะนำ Studio7 ตัวแทนจำหน่ายสินค้าจาก Apple ครบจบทุกรุ่นที่คุณตามหา พร้อมโปรโมชันดี ๆ มากมาย สามารถสอบถามรายละเอียดได้ก่อนตัดสินใจ