
เครดิตบูโรและแบล็คลิสต์เป็นคำที่มักได้ยินบ่อยในวงการการเงินและการกู้ยืม แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจความหมายและผลกระทบที่แท้จริง บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเครดิตบูโร สถานะต่าง ๆ ของเครดิต และผลกระทบต่อการขอสินเชื่อบ้าน เพื่อให้คุณเข้าใจและวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เครดิตบูโรคืออะไร
เครดิตบูโร หรือชื่อเต็มคือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเครดิตของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในประเทศไทย โดยข้อมูลเหล่านี้ได้รับการส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร เครดิตบูโรมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลแก่สถาบันการเงินเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อมีความรัดกุมและเป็นธรรมมากขึ้น
สถานะเครดิตบูโร 4 ประเภท
เครดิตบูโรแบ่งสถานะเครดิตออกเป็น 4 ประเภทหลัก ซึ่งแต่ละประเภทสะท้อนถึงพฤติกรรมการชำระหนี้ของบุคคลนั้น ๆ ดังนี้
1.สถานะ 10
สถานะ 10 หมายถึง สถานะปกติ หรือ “จ่ายตรง” เป็นสถานะที่ดีที่สุด แสดงว่าผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ชำระเงินตรงตามกำหนดเวลาเสมอ ไม่มีการค้างชำระ หรือชำระล่าช้า สถานะนี้รวมถึงกรณีที่บัญชีถูกปิดโดยไม่มีหนี้ค้างด้วย ผู้ที่มีสถานะ 10 มักจะได้รับการพิจารณาสินเชื่อที่ง่ายกว่าและอาจได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากสถาบันการเงิน
2.สถานะ 11
สถานะ 11 หมายถึง บัญชีที่เคยมีประวัติค้างชำระในอดีต แต่ปัจจุบันได้ชำระหนี้ครบถ้วนและปิดบัญชีแล้ว สถานะนี้แสดงให้เห็นว่าแม้เคยมีปัญหาในการชำระหนี้ แต่ผู้กู้สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้ในที่สุด สถาบันการเงินอาจพิจารณาให้สินเชื่อได้ แต่อาจต้องตรวจสอบประวัติการเงินย้อนหลังประมาณ 12 เดือนเพื่อดูความสม่ำเสมอในการชำระหนี้
3.สถานะ 12
สถานะ 12 เป็นสถานะพิเศษที่เกิดขึ้นจากนโยบายของรัฐบาล หมายถึง บัญชีที่ได้รับการพักชำระหนี้ตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ เช่น ช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 แม้ว่าจะไม่มีการระบุว่ามียอดค้างชำระในช่วงพักหนี้ แต่ผู้กู้ควรกลับมาชำระหนี้ให้เป็นปกติอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อในอนาคต
4.สถานะ 20
สถานะ 20 เป็นสถานะที่น่ากังวลที่สุด หมายถึง บัญชีที่มีการค้างชำระเกิน 90 วันและยังมีหนี้ค้างอยู่ สถานะนี้ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินอย่างมาก และมักทำให้การขอสินเชื่อเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีสถานะนี้ยังมีโอกาสปรับปรุงเครดิตได้ โดยต้องชำระหนี้ให้เป็นปกติอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงิน
ติดเครดิตบูโรซื้อบ้านได้หรือไม่
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ หากติดเครดิตบูโรหรือมีประวัติแบล็คลิสต์ จะยังสามารถซื้อบ้านได้หรือไม่ คำตอบคือ ยังมีโอกาส แต่อาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานะเครดิตปัจจุบัน ความสามารถในการชำระหนี้ปัจจุบัน มูลค่าของหลักประกัน หรือนโยบายของแต่ละสถาบันการเงิน สำหรับผู้ที่มีประวัติเครดิตไม่ดีแต่ต้องการซื้อบ้าน มีข้อแนะนำดังนี้
- พยายามปรับปรุงเครดิตให้ดีขึ้นโดยชำระหนี้ให้ตรงเวลาอย่างต่อเนื่อง
- หากมีหนี้ค้าง พยายามเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อหาทางชำระหนี้ให้หมด
- เก็บออมเงินดาวน์ให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของธนาคาร
- หาผู้ค้ำประกันที่มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง
สรุปบทความเครดิตบูโร
เครดิตบูโรเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของบุคคล แม้ว่าการติดเครดิตบูโรหรือมีประวัติแบล็คลิสต์อาจทำให้การขอสินเชื่อบ้านยากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว การเข้าใจสถานะเครดิตของตนเองและพยายามปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีสุขภาพทางการเงินที่ดีและเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้าน อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังต้องการขอสินเชื่อบ้าน แต่มีประวัติแบล็คลิสต์หรือติดเครดิตบูโร สามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเจ้าหน้าที่ ธอส. ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อช่วยสานฝันให้คุณมีบ้านได้สำเร็จ