มาห์เล (MAHLE) บริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์จากประเทศเยอรมนี ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการพัฒนาศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ในประเทศไทย พร้อมเผยแผนการลงทุนขยายศูนย์ฯ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
จากจุดเริ่มต้นสู่ศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค
ศูนย์วิจัยและพัฒนาของมาห์เลในจังหวัดสมุทรปราการ เริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2565 ด้วยพื้นที่ดำเนินการรวม 800 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน 300 ตารางเมตร และพื้นที่ทดสอบ 500 ตารางเมตร มีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญ 15 คน ล่าสุดบริษัทประกาศแผนการขยายพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเพิ่มพื้นที่ทดสอบเป็น 4,000 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานเป็น 1,200 ตารางเมตรภายในปี 2569 พร้อมเพิ่มบุคลากรเป็น 40 คน
ปฏิวัติการวิจัยและพัฒนาด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
ศูนย์วิศวกรรมเอเชียของมาห์เลไม่เพียงแต่เป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาทั่วไป แต่ยังได้รับการติดตั้งเครื่องมือและอุปกรณ์ทดสอบที่ทันสมัย พร้อมระบบออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ (CAD) ที่ล้ำสมัย ทำให้สามารถพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย ประกอบด้วย ระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า, นวัตกรรมชิ้นส่วนอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา , เทคโนโลยีการจัดการความร้อนขั้นสูง รวมถึง ชิ้นส่วนพลาสติกวิศวกรรมสำหรับระบบเมคคาทรอนิกส์
วิสัยทัศน์ผู้บริหาร: จากฐานการผลิตสู่ศูนย์กลางนวัตกรรม
มร. ราล์ฟ เคมเลน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของศูนย์วิศวกรรมมาห์เลประจำเอเชีย กล่าวถึงความสำคัญของการขยายศูนย์วิจัยว่า เราเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนาสำหรับแบรนด์ของเรา ประเทศไทยมีวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ และมีทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งกับการเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อจัดส่งไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์
มร.ยาสุฮิโระ คิโนชิตะ รองประธานกลุ่มธุรกิจระบบกรองและอุปกรณ์เครื่องยนต์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อธิบายถึงความสอดคล้องกับกลยุทธ์ MAHLE 2030+ ว่าเป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง นวัตกรรมการจัดการความร้อนสำหรับยานยนต์สมัยใหม่ และการพัฒนาชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มุมมองผู้นำอุตสาหกรรมไทย
ดร.พรเทพ พรประภา ประธานกลุ่มบริษัทสยามกลการ ได้แสดงวิสัยทัศน์ในพิธีเปิดการก่อสร้างเฟสใหม่ว่า “นี่เป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เพราะเรากำลังก้าวไปไกลกว่าการเป็นแค่ฐานการผลิต วันนี้เราเปิดโอกาสให้วิศวกรไทยได้มีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบ ศูนย์วิศวกรรมแห่งนี้จะทำหน้าที่เป็นโชว์รูมที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราในอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งจะแสดงให้เห็นกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาไปจนถึงการผลิต”
เครือข่ายการผลิตที่แข็งแกร่ง
นอกเหนือจากศูนย์วิจัยและพัฒนา มาห์เลยังมีฐานการผลิตในประเทศไทยอีก 4 แห่ง ที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่หลากหลาย ด้วยกำลังคนกว่า 1,500 คน โดยมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทั้งระบบเครื่องยนต์และส่วนประกอบ ระบบกรองและอุปกรณ์เครื่องยนต์ ระบบจัดการความร้อน อิเล็กทรอนิกส์ และเมคคาทรอนิกส์
มองไปข้างหน้า: อนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
การขยายศูนย์วิจัยและพัฒนาของมาห์เลในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนายานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งการเดินทางที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม