
สำหรับมาเก๊า ที่มีพื้นที่เพียง 21.45 ตารางกิโลเมตรในช่วงแรกของการกลับคืนสู่มาตุภูมิ คำว่า “เล็ก” ไม่ได้เป็นเพียงคำบรรยายขนาดพื้นที่ แต่ยังสะท้อนถึงข้อจำกัดในการพัฒนาเมืองอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา มาเก๊าสามารถพลิกพื้นที่เล็ก ๆ ให้กลายเป็นเวทีแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ก้าวกระโดด ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และขยายโอกาสในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง กลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะจับใจของ “เรื่องราวใหม่แห่งเมืองเล็ก”
ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกลางได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ อนุมัติการถมทะเลเพื่อขยายพื้นที่หลายครั้ง รวมถึงกำหนดเขตแดนทางบก ส่งผลให้พื้นที่ของมาเก๊าขยายเพิ่มเป็น 33.3 ตารางกิโลเมตร ในปี 2015 พื้นที่ทางทะเลของมาเก๊าถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนที่ 85 ตารางกิโลเมตร และในปี 2021 รัฐบาลกลางได้กำหนดพื้นที่ 106.46 ตารางกิโลเมตรบนเกาะเหิงฉินเป็น “เขตความร่วมมือเชิงลึกกวางตุ้ง–มาเก๊า” ภายใต้การบริหารแบบ “ร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมสร้าง และร่วมแบ่งปัน”
ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติต่อหัว (GDP) ของมาเก๊าเติบโตจาก 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงจาก 6.3% เหลือเพียง 2.7%
แม้มาเก๊าจะมีประชากรเพียง 600,000 คน แต่กลับเป็นเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จำนวนมหาศาล ในปี 1999 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 7.44 ล้านคน แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้พุ่งทะยานถึงกว่า 28 ล้านคน
ด้วยการอนุญาตและการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง มาเก๊าได้สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และวัฒนธรรมกับกว่า 120 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก จำนวนองค์กรและสถาบันระหว่างประเทศที่มาเก๊าเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 190 แห่ง อีกทั้งยังได้รับการยกเว้นวีซ่าหรือวีซ่าเมื่อเดินทางถึงจาก 147 ประเทศและภูมิภาค
ในปี 1999 มาเก๊ามี GDP ต่อหัวเพียง 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจัดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และอันดับที่ 3 ในเอเชีย คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามการจัดอันดับประเทศ (ภูมิภาค) ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกจาก นิตยสาร Forbes มาเก๊าถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ในเอเชีย
ตัวเลขความสำเร็จที่โดดเด่นเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิบัติที่ประสบความสำเร็จของ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในแบบฉบับมาเก๊า ซึ่งความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการสนับสนุนที่มั่นคงจากรัฐบาลกลางและจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงความมุ่งมั่นและความพยายามร่วมกันของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษมาเก๊า และทุกภาคส่วนในสังคม
ในอดีต เศรษฐกิจของมาเก๊าพึ่งพาอุตสาหกรรมการพนันเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ยาวนานในการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มาเก๊าได้พลิกโฉมเศรษฐกิจด้วยการผลักดันรูปแบบการพัฒนาแบบ “การท่องเที่ยวบวก” มุ่งสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวครบวงจรที่ผสมผสานวัฒนธรรม อาหาร กีฬา ความบันเทิง ช้อปปิ้ง และการพักผ่อน นอกจากนี้ มาเก๊ายังเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมหลักใหม่ ๆ ได้แก่ สุขภาพสมัยใหม่ การเงินสมัยใหม่ เทคโนโลยีชั้นสูง การจัดนิทรรศการ การค้า และวัฒนธรรมกีฬา
เกาะเหิงฉิน ซึ่งเป็นเขตความร่วมมือเชิงลึกกวางตุ้ง–มาเก๊า ยังได้ช่วยเสริมสร้างระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายให้กับมาเก๊า ด้วยการขจัดอุปสรรคเชิงระบบและเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนา
วันนี้ บนเกาะเหิงฉิน เต็มไปด้วยศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสำหรับเยาวชนมาเก๊า อุทยานเทคโนโลยีทางการแพทย์แผนจีน และพื้นที่นวัตกรรมสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก อีกทั้งยังมีบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูง ตั้งรากฐานใหม่ให้กับเศรษฐกิจหลายมิติ และเปิดพื้นที่ให้เยาวชนมาเก๊าได้สร้างอนาคตของตนเอง
25 ปีแห่งการกลับคืนสู่มาตุภูมิ ถือเป็นยุคทองของมาเก๊า ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประชาชน และความสุขของสังคม ในอนาคต มาเก๊าจะมุ่งมั่นยกระดับบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการเปิดสู่โลกภายนอก ร่วมสร้างอ่าวเศรษฐกิจที่มั่งคั่งระดับโลก และแบ่งปันโอกาสแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน
เมืองเล็กแห่งนี้พร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไปสู่บทใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม!