
23 มกราคม พ.ศ. 2568 ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ จะถูกบังคับใช้อย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดโอกาสให้คู่รักทุกเพศจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน เช่น การจัดการมรดก-ทรัพย์สิน และการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
กระทรวงมหาดไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมกับสหประประชาชาติในประเทศไทย (United Nations Country Team in Thailand) จึงจัดทำโครงการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการบริการประชาชนบนหลักการความเสมอภาคและเท่าเทียมภายใต้แนวคิด ‘สมรสเท่าเทียม ยินดีกับทุกความรัก 878 อำเภอ ทั่วไทย’ (Embracing Equality: Love Wins in 878 Districts) เพื่อแสดงความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยในการให้บริการประชาชนตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม
รวมถึงถือโอกาสมอบธงสัญลักษณ์ให้กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด พร้อมร่วมรับฟังการแลกเปลี่ยนมุมมองจากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมในมิติต่างๆ ผ่านกิจกรรม Symposium Session : 5 – Minute Talk ‘เสียงจากหลากมุมมอง 5 นาที แห่งความเท่าเทียม’
นายอนุทิน กล่าวว่า การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่างกระทรวงมหาดไทยและสหประชาชาติประเทศไทย เป็นพลังที่สำคัญอันแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างสหประชาชาติและรัฐบาลไทย ในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ และย้ำว่าประเทศไทยให้ความสำคัญในการส่งเสริมความเท่าเทียมและสิทธิมนุษยชนในการให้บริการสาธารณะให้กับประชาชน โดยเฉพาะในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือที่เรียกว่า ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ ซึ่งรับรองสิทธิในการสมรสสำหรับทุกคู่รัก วันนี้เราทุกคนมารวมตัวกันเพื่อโอบรับความเท่าเทียมและยอมรับความรักในรูปแบบที่หลากหลาย
“กระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครองภูมิใจที่ได้เป็นผู้ขับเคลื่อนโครงการนี้ ในฐานะนายทะเบียนกลาง สำหรับการทำหน้าที่นายทะเบียนให้กับทุกความรักทั่วประเทศ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ในการให้บริการจดทะเบียนที่ยึดถือหลักการของความเสมอภาคและความเท่าเทียม และเราขอยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการจดทะเบียนสมรสอย่างราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมายสำหรับทุกคู่รัก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในระเบียบและระบบที่ให้คุณค่าแก่ความหลากหลายและเคารพศักดิ์ศรีของประชาชน ด้วยการตระหนักถึงพันธกรณีของไทยในฐานะประเทศใหม่ที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 5 ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ และเป้าหมายที่ 10 ว่าด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ”
นายอนุทิน กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า กิจกรรมในวันนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับโลก แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในระบบการบริการที่มีความโปร่งใส เท่าเทียม และยุติธรรมอีกด้วย ขอขอบคุณสหประชาชาติประเทศไทย และทุกภาคส่วนที่ร่วมจัดกิจกรรม พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าเราก้าวไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความเชื่อมั่นว่า ‘ความรักไม่มีพรมแดน’ และ ‘ความเท่าเทียม’ คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
ด้าน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองในฐานะนายทะเบียนกลางได้เตรียมความพร้อมให้กับสำนักทะเบียนอำเภอ 878 แห่ง สำนักทะเบียนเขต กทม. 50 เขต และสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ 94 แห่ง เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568 รวม 4 ด้าน คือ
- ด้านระเบียบ โดยได้ร่างระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2568 เพื่อรองรับการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวระหว่างบุคคลเพศหลากหลาย ทำให้คู่รักสามารถหมั้นและสมรสกันได้ ซึ่งจะทำให้มีสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกัน และเสริมสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย
- ด้านระบบ โดยได้มีการแก้ไขระบบทะเบียนสมรสและทะเบียนหย่า และมีการทดสอบระบบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งจัดเตรียมผลิตแบบพิมพ์ ใบสำคัญการสมรส (คร.3) และใบสำคัญการหย่า (คร.7) เพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้น
- ด้านบุคลากร โดยได้จัดทำชุดความรู้และอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทะเบียนใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การปรับกรอบความคิดในการให้บริการประชาชน และการบริการที่เป็นสากลบนหลักความเสมอภาคและเท่าเทียม คำนึงถึงมารยาทสากลและหลักสิทธิมนุษยชน
- ด้านการจัดกิจกรรม ได้แก่ กิจกรรม Kick Off ในวันนี้ และกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่จะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ณ ที่ว่าการอำเภอ ทั้ง 878 แห่ง ในวันที่ 23 ม.ค. 68 ซึ่งเป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลบังคับใช้ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับทุกความรักตามแนวคิด ‘กรมการปกครองยินดีเป็นนายทะเบียนให้กับทุกความรัก’
ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โทร. 1548 หรือที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเขตทุกแห่งทั่วประเทศ