
การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งสภาพอากาศแปรปรวน ฝุ่นควันมลภาวะต่างๆ ทั้งยังเจอความเสี่ยงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บมากมาย การดูแลตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้สุขภาพดีแล้ว ยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันโรคอีกด้วย การดูแลตัวเองนั้นมีหลายวิธี เริ่มได้ตั้งแต่การกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย และการกินวิตามินเสริม โดยเฉพาะวิตามินซี ซึ่งเรียกว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพในยุคนี้เลย ใครที่อยากเริ่มต้นดูแลตัวเอง แต่ไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นกินวิตามินซีอย่างไร ลองมาส่องประโยชน์ของวิตามินซี พร้อมทริกกินวิตามินซีแบบไหนดีให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุดในบทความนี้กัน
ประโยชน์ของวิตามินซี
วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำพบได้ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะผักและผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ส้มและผลไม้ตระกูลส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี มะขามป้อม พริกหวานสด บรอกโคลี ผักปวยเล้ง ผักตระกูลกะหล่ำ เป็นต้น วิตามินซีมีความประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน ดังนี้
1. ป้องกันหวัด
คุณสมบัติสำคัญของวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดอักเสบ ช่วยทำหน้าที่ดูแลเซลล์ เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซีเพียงพอก็จะมีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ดี หากเป็นหวัดก็จะลดอาการรุนแรง
2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
คอลลาเจนจะช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่น แข็งแรง ป้องกันรังสียูวีที่ทำให้เกิดริ้วรอย วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ที่ทำให้เซลล์ผิวหนังเสื่อมสภาพได้น้อยลง และช่วยให้ผิวอ่อนโยนชุ่มชื้น
3. ลดเครียด วิตกกังวล ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
ความเครียดส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรม หากร่างกายได้รับวิตามินซีจะไปทำปฏิกิริยาในส่วนของสมอง ช่วยต้านความเครียด คลายความวิตกกังวล ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดภาวะวิตกจริต และเมื่ออาการเหล่านี้หายไป ก็เป็นการลดโอกาสที่จะเกิดอาการชักและหลอดเลือดในสมองแตกได้ด้วย
4. ป้องกันมะเร็ง
คุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำคัญมากๆ คือ วิตามินซีมีส่วนช่วยทำลายเซลล์ที่อาจเป็นสาเหตุเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง สำหรับผู้สูงอายุมีโอกาสการเป็นมะเร็งมากกว่าทุกช่วงวัย จึงควรกินวิตามินซีเป็นประจำ
5. ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
ภายในเยื่อบุตาและกระจกตามีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ วิตามินซีจะช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เป็นอย่างดี
กินวิตามินซีตอนไหนได้ประโยชน์สูงสุด
การกินวิตามินซีมีประโยชน์เป็นอย่างมากและเราทุกคนสามารถกินได้ตลอดเวลา แต่ช่วงเวลาที่ร่างกายจะได้ประโยชน์จากการกินวิตามินซีสูงสุด คือ ช่วงอาหารเช้าและอาหารเย็นภายใน 2-3 ชั่วโมง ร่างกายจะสามารถดูดซึมวิตามินซีได้ดีที่สุด
ส่วนคนที่เป็นโรคเบาหวานควรกินวิตามินซีแบบไหนดี? การกินวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัมขึ้นไป จะช่วยลดสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงลดอาการแทรกซ้อนจากโรคหัวใจ โรคไตวาย หรือคนที่เป็นหวัด ควรกินวิตามินซี 2 ครั้งต่อวัน ในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมขึ้นไป จะช่วยลดฮิสตามีนหรือสารที่ทำให้เกิดน้ำมูก นอกจากนั้นแล้ววิตามินซียังช่วยป้องกันอาการท้องเสียอีกด้วย
วิตามินซี กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์
กินวิตามินซีคู่กับอะไรดี? ต้องบอกเลยว่าวิตามินซีมีประโยชน์รอบด้าน จนเรียกได้ว่าเป็นวิตามินที่เหมาะจะใช้ดูแลสุขภาพของเราจริงๆ แต่หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซี เราสามารถกินคู่กับสิ่งอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดได้อีกด้วย เช่น
- คอลลาเจนเปปไทด์ แบบโมเลกุลเล็ก เพื่อช่วยสร้างคอลลาเจนบำรุงผิวได้ดี
- ธาตุเหล็ก เพื่อเสริมให้ร่างกายทำหน้าที่ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
- แคลเซียม เพื่อช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง
- วิตามินเอและวิตามินอี เพื่อช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
แล้วเราไม่ควรกินวิตามินซีคู่กับอะไรบ้าง? แม้วิตามินซีจะประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีข้อควรระวังในการกิน เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมา
- วิตามินบี 12 หากกินคู่กันจะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีไปใช้ได้น้อยลง ทางที่ดีควรกินให้ห่างกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- ยาคุมกำเนิด จะทำให้เกิดการดูดซึมมากเกินไป จนเกิดอาการคลื่นไส้ และยังเป็นการลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด เพราะหากอาเจียนก็จะมียาคุมกำเนิดออกมาด้วย
เห็นแล้วว่าประโยชน์ของวิตามินซีมีมากมายแค่ไหน ทั้งทำให้ผิวสดใส ร่างกายสดชื่น และมีสุขภาพดี แต่การทำความเข้าใจว่าควรกินวิตามินซีแบบไหนดีก็เป็นอีกเรื่องต้องให้ความสำคัญ เพราะหากกินวิตามินซีอย่างถูกต้องก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินครบถ้วน ส่งเสริมให้ดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ที่สำคัญคือควรเลือกผลิตภัณฑ์วิตามินซีที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้ เท่านี้ก็ทำให้ร่างกายเข้าใกล้กับคำว่าสุขภาพดีไปอีกขั้น!