
การเริ่มต้นวาระที่สองของโดนัลด์ ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจโลก นโยบาย “America First” ของทรัมป์ที่มุ่งเน้นการปกป้องการค้าภายในประเทศ การลดกฎระเบียบ และการลดภาษี อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์จาก KVB ได้ให้มุมมองและโอกาสสำหรับนักลงทุนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือและจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงนี้
KVB เป็นผู้ให้บริการด้านการเงินระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอแอพการลงทุนที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าทุกระดับ ด้วยเทคโนโลยีการซื้อขายที่ล้ำสมัยและบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยม KVB ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่นักลงทุนทั่วโลกไว้วางใจ การวิเคราะห์แนวโน้มสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์นี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ KVB ในการมอบความรู้ให้กับนักลงทุนเพื่อช่วยให้รับมือกับความซับซ้อนของตลาดได้
แนวโน้มเศรษฐกิจ
การดำรงตำแหน่งของทรัมป์อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการเติบโตและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในระยะสั้น นโยบายการเงิน เช่น การลดภาษีและการเพิ่มงบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน อาจเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต อย่างไรก็ตาม การกำหนดอัตราภาษีและนโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและตลาดแรงงาน
ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) มีแนวโน้มที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและส่งผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่และค่าเงินทั่วโลก
สินทรัพย์สำคัญที่ควรจับตา
- หุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐฯ
กลุ่มการเงินมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการลดกฎระเบียบและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ธนาคาร เช่น JPMorgan Chase และ Citigroup อาจเห็นผลกำไรที่เพิ่มขึ้น - หุ้นพลังงาน
นโยบายสนับสนุนพลังงานฟอสซิลของทรัมป์และแผนการขยายการขุดเจาะ อาจเป็นผลดีต่อบริษัทน้ำมันและก๊าซ เช่น ExxonMobil และ Chevron - บริษัทที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและวัสดุอาจได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณในด้านโครงสร้างพื้นฐาน - Bitcoin และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency
นโยบายสนับสนุนคริปโตของทรัมป์และแผนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ อาจกระตุ้นการเติบโตของตลาดคริปโต - ทองคำ
ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อาจดึงดูดนักลงทุนที่มองหาความคุ้มครองจากความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ - หุ้นในกลุ่มการผลิตภายในประเทศ
บริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตในสหรัฐฯ อาจได้รับประโยชน์จากนโยบาย “Buy American” และภาษีศุลกากรที่อาจเพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของนโยบาย
แม้ว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะมีโอกาสที่น่าสนใจ แต่นักลงทุนควรระมัดระวังในการกระจายความเสี่ยง เนื่องจากทรัมป์มีลักษณะการตัดสินใจที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนในตลาด
- แรงกดดันจากเงินเฟ้อ: นโยบายการเงินที่เน้นการลดภาษีรวมไปถึงการใช้จ่าย อาจเพิ่มแรงกดดันจากการที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
- ความเป็นอิสระของธนาคารกลาง: การลดอิทธิพลของธนาคารกลางสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของนโยบายการเงิน
- ความขัดแย้งทางการค้า: นโยบายคุ้มครองด้านการค้าและการเพิ่มภาษีอาจกระทบความสัมพันธ์กับคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการนำเข้าและส่งออก
ในขณะที่เศรษฐกิจโลกปรับตัวสู่การดำรงตำแหน่งของทรัมป์ นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน พร้อมทั้งติดตามข่าวสารและพัฒนาการด้านนโยบายอย่างใกล้ชิด