ความแตกต่างระหว่างแชร์โฮสติ้งและ VPS โฮสติ้ง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเว็บไซต์ของคุณ

ความแตกต่างระหว่างแชร์โฮสติ้งและ VPS โฮสติ้ง

เมื่อคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณต้องพิจารณา นั้นก็คือ การเลือกประเภทของเว็บโฮสติ้งที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการรองรับการเติบโตของเว็บไซต์ขคุณ โดยทั่วไปแล้ว โฮสติ้งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ แชร์โฮสติ้ง (Shared Hosting) และ VPS โฮสติ้ง (Virtual Private Server: VPS) ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่มีความแตกต่างกัน การเลือกใช้โฮสติ้งที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของเว็บไซต์ งบประมาณ และความต้องการในการจัดการระบบ งั้นเรามาดูความแตกต่างของทั้งสองตัวเลือกนี้เลยดีกว่าค่ะ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้เลือกใช้โฮสติ้งอย่างเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณ

แชร์โฮสติ้ง (Shared Hosting) คืออะไร

แชร์โฮสติ้ง (Shared Hosting) เป็นบริการโฮสติ้งที่ช่วยให้หลายเว็บไซต์สามารถใช้งานทรัพยากรร่วมกันบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับ “ผู้เริ่มต้น” หรือ “ธุรกิจขนาดเล็ก” ที่ต้องการโฮสต์เว็บไซต์ในราคาประหยัด โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลเซิร์ฟเวอร์เอง ผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลด้านความปลอดภัย การบำรุงรักษา และการอัปเดตระบบ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโฟกัสไปที่การพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่

ข้อดีของแชร์โฮสติ้ง

  • ต้นทุนต่ำ สำหรับแชร์โฮสติ้งเป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด เนื่องจากต้นทุนการใช้งานถูกแบ่งออกจากกันระหว่างหลายเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน
  • ใช้งานง่าย ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค ผู้ให้บริการดูแลเซิร์ฟเวอร์ให้ทั้งหมด รวมถึงการบำรุงรักษาและความปลอดภัย
  • มีการจัดการระบบให้ ส่วนใหญ่ผู้ให้บริการมี Control Panel ซึ่งจะช่วยให้จัดการเว็บไซต์ ฐานข้อมูล และอีเมลได้อย่างสะดวก
  • เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กและกลาง ใช้งานได้ดีสำหรับบล็อก เว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก หรือเว็บไซต์ที่ไม่ได้มีทราฟฟิกสูงมาก

ข้อเสียของแชร์โฮสติ้ง

  • จำกัดทรัพยากร เนื่องจากต้องแบ่งปันทรัพยากรกับเว็บไซต์อื่น หากเว็บไซต์หนึ่งใช้ทรัพยากรสูง อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์อื่น
  • ประสิทธิภาพอาจไม่เสถียร หากมีเว็บไซต์ที่ได้รับทราฟฟิกสูง อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณโหลดช้าลง
  • การตั้งค่ามีข้อจำกัด คุณไม่สามารถกำหนดค่าระบบหรือปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ได้มากเท่ากับ VPS โฮสติ้ง
  • ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับเว็บไซต์อื่น หากเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อาจส่งผลต่อเว็บไซต์ที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกันได้

วิธีการเลือกใช้งาน แชร์โฮสติ้ง (Shared Hosting)

แชร์โฮสติ้ง (Shared Hosting) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์หรือบล็อก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำ และจัดการได้ง่าย แต่ก่อนที่จะเลือกใช้บริการแชร์โฮสติ้ง ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ต่อไปนี้

  • ความต้องการของเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่ต้องการทรัพยากรมากนัก เช่น เว็บไซต์ส่วนตัว, บล็อก หรือเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็ก แชร์โฮสติ้งเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ไม่ต้องการทรัพยากรสูง
  • ทรัพยากรและความยืดหยุ่น แชร์โฮสติ้งจะมีการแชร์ทรัพยากรกับผู้ใช้งานอื่น เช่น CPU, RAM,และพื้นที่เก็บข้อมูล ดังนั้นควรตรวจสอบว่าแพ็กเกจที่เลือกมอบทรัพยากรที่เพียงพอต่อการใช้งานของคุณหรือไม่ และตรวจสอบข้อจำกัดในการใช้งานทรัพยากรต่างๆ
  • การสนับสนุนและบริการลูกค้า ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีการสนับสนุนที่ดี เช่น การให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเช่น แชทสด โทรศัพท์ หรืออีเมล พร้อมการตอบสนองที่รวดเร็วในกรณีเกิดปัญหา
  • ความปลอดภัย ตรวจสอบว่าแชร์โฮสติ้งที่เลือกมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น ระบบป้องกันไวรัส,การสำรองข้อมูล และระบบป้องกันการโจมตีจากภายนอก
  • อัพไทม์ (Uptime) ตรวจสอบอัตราอัพไทม์ของผู้ให้บริการโฮสติ้ง หากมีการอัพไทม์ที่สูงกว่า 99.9% แสดงว่าเซิร์ฟเวอร์มีความเสถียร และเว็บไซต์ของคุณจะไม่เกิดปัญหาหยุดทำงานบ่อย
  • ค่าใช้จ่าย แชร์โฮสติ้งเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากในด้านราคา เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ แต่ควรตรวจสอบว่าแพ็กเกจที่เลือกมีค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับฟีเจอร์ และการบริการที่ได้รับหรือไม่

VPS โฮสติ้ง (Virtual Private Server) คืออะไร

VPS เป็นเซิร์ฟเวอร์เสมือนที่จำลองการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จริงภายในเซิร์ฟเวอร์หลัก (Physical Server) โดยใช้เทคโนโลยีการจำลองเสมือน (Virtualization) ซึ่งการใช้ VPS ทำให้ผู้ใช้ได้รับทรัพยากรเฉพาะ เช่น CPU, RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล โดยไม่ต้องแชร์กับผู้ใช้อื่นมากเท่ากับ Shared Hosting ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสถียร และความปลอดภัย อีกทั้งยังให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดค่าระบบเหมือนกับเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว 

ADVERTISMENT

ข้อดีของ VPS โฮสติ้ง

  • ทรัพยากรเฉพาะตัว ผู้ใช้ได้รับ CPU , RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลของตัวเอง ทำให้ไม่ต้องแชร์กับผู้ใช้อื่นมากเหมือน Shared Hosting
  • ประสิทธิภาพสูงและเสถียร VPS มีความเสถียร และเร็วกว่า Shared Hosting เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากผู้ใช้รายอื่นมากนัก
  • ความยืดหยุ่นและการควบคุม สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ กำหนดค่าระบบ และปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ตามความต้องการ
  • ความปลอดภัยสูงขึ้น เนื่องจากมีระบบแยกการทำงาน ทำให้ปลอดภัยกว่าการแชร์เซิร์ฟเวอร์กับผู้อื่น
  • รองรับการขยายตัว สามารถอัปเกรดทรัพยากร เช่น เพิ่ม RAM หรือ CPUได้ง่ายเมื่อต้องการขยายธุรกิจ

ข้อเสียของ VPS โฮสติ้ง

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่า Shared Hosting เนื่องจาก VPS มีราคาสูงกว่า Shared Hosting 
  • ต้องมีความรู้ทางเทคนิค ผู้ใช้งานต้องมีพื้นฐานด้านการดูแลเซิร์ฟเวอร์ หรือ อาจจะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการ
  • การตั้งค่าและการดูแลอาจซับซ้อน โดยเฉพาะ VPS แบบ Unmanaged ที่ผู้ใช้ต้องดูแลเองทั้งหมด

วิธีการเลือกใช้งาน VPS โฮสติ้ง (Virtual Private Server)

การเลือก VPS โฮสติ้ง ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับประสิทธิภาพและความคุ้มค่าที่ดีที่สุด

  • กำหนดความต้องการของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน พิจารณาทราฟฟิก ปริมาณข้อมูลที่ต้องใช้ และความต้องการทรัพยากร เช่น CPU, RAM และพื้นที่เก็บข้อมูล
  • เลือกประเภท VPS: Managed หรือ Unmanaged
  • Managed VPS: เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเซิร์ฟเวอร์ เพราะผู้ให้บริการจะดูแลระบบให้
  • Unmanaged VPS: เหมาะสำหรับนักพัฒนาและผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการควบคุมเซิร์ฟเวอร์เอง
  • ระบบปฏิบัติการ (OS) ที่ต้องการ เลือก Linux หรือ Windows ตามความเหมาะสมของซอฟต์แวร์และการใช้งาน
  • ทรัพยากร และประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์ ตรวจสอบ CPU, RAM, พื้นที่เก็บข้อมูล และแบนด์วิดท์ที่เพียงพอต่อการใช้งาน
  • ความเสถียรและความปลอดภัย เลือกผู้ให้บริการที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดี และการสำรองข้อมูล
  • ตำแหน่งศูนย์ข้อมูล (Data Center Location) เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กลุ่มเป้าหมาย เพื่อลดเวลาแฝง (Latency) และเพิ่มความเร็วในการโหลด
  • ราคาและความคุ้มค่า เปรียบเทียบแพ็กเกจ และคุณสมบัติของผู้ให้บริการเพื่อให้ได้ VPS ที่ตรงกับงบประมาณ และความต้องการของคุณ

ควรเลือกแบบไหนดี?

ADVERTISMENT

แชร์โฮสติ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นทำเว็บไซต์ บล็อก หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ต้องการใช้ทรัพยากรมาก และต้องการลดค่าใช้จ่าย ส่วน VPS โฮสติ้ง เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการความเร็ว ความปลอดภัย และมีการใช้งานทรัพยากรสูง เช่น อีคอมเมิร์ซ เว็บไซต์องค์กร หรือเว็บแอปพลิเคชันที่ต้องการการควบคุม และการปรับแต่งมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาบริการ เว็บโฮสติ้ง ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แชร์โฮสติ้ง ได้ที่ VisperHost หรือเลือก VPS โฮสติ้ง ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ที่ VisperHost เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานของคุณ