
JDB Bank (Joint Development Bank) หรือ ธนาคารร่วมพัฒนา ที่ปัจจุบันเป็นธนาคาร อันดับ 1 ของ สปป.ลาว ประกาศยุทธศาสตร์ทำการตลาดเชิงรุกในโอกาสครบรอบ 35 ปี มุ่งเน้นขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคอาเซียน ยกระดับการให้สินเชื่อ สนับสนุน ให้คำปรึกษา เสริมสภาพคล่อง และสร้างแหล่งเงินทุน หนุนผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มทุนไทย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายเล็ก หรือ เอสเอ็มอี ด้วยระบบ Digital Asset โดยมีศูนย์แนะนำการลงทุน JDB Representative Office ประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ชั้น 24 อาคาร เกษรทาวเวอร์ (Gaysorn Tower) ซึ่งนักลงทุนไทยสามารถขอคำปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน หรือการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว ได้ พร้อมประกาศตั้งเป้าเป็นธนาคารครบวงจร Banking Hubs แห่งภูมิภาคอาเซียน ภายใน 5 ปี
หลังพบว่า แนวโน้มสถานการณ์ธุรกิจใน สปป.ลาว ในปี 2568 พบว่าธุรกิจการท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ จากอานิสงส์รถไฟความเร็วสูง ตลอดจนภาคการเกษตร และเกษตรแปรรูป มีการขยายตัวอย่างมาก ส่งผลจีดีพีประเทศเติบโตในระยะ 5 ปี สร้างแรงกระเพื่อมต่อระบบเศรษฐกิจ สปป.ลาว มีทิศทางที่น่าลงทุน
นายเอกะพัน พะพิทัก ประธานผู้ถือหุ้น ธนาคารร่วมพัฒนา หรือ JDB Bank (Joint Development Bank) เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจในลาวปีนี้มีทิศทางสดใส อันจะเป็นการขยายโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะมาทำธุรกิจในสปป.ลาว โดยเฉพาะธุรกิจบริการ การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จากอานิสงส์รถไฟความเร็วสูงจากการเปิดรถไฟ จีนและลาว ที่ขนส่งทั้งสินค้า และผู้โดยสาร ทำให้ JDB Bank วางกลยุทธ์รอบทิศทางรับนักลงทุนไทยและอาเซียน รับวาระครบรอบ 35 ปีในปีนี้ด้วย เราวางยุทธศาสตร์ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation ) ทุกระบบการเชื่อมต่อง่าย คล่องตัวมากขึ้นด้วยระบบดิจิทัล โดยปัจจุบัน JDB Bank มีทั้งหมด เป็น 64 หน่วยบริการ รวมสำนักงานใหญ่ครอบคลุมทุกชายแดนของประเทศลาวที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ไทย กัมพูชา พม่า และ เวียดนาม
สำหรับ JDB Bank ครบรอบ 35 ปี ธนาคารที่เน้นส่งเสริมให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เสริมสภาพคล่อง ปล่อยสินเชื่อ ให้นักลงทุนแบบ Customize solution ให้เข้ากับสถานการณ์ของลูกค้า พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ให้ลูกค้าชาวต่างชาติสามารถเปิดบัญชีเงินฝากได้ ด้วยพาสปอร์ตเพียงใบเดียว ทุกระบบการเชื่อมต่อง่าย คล่องตัวมากขึ้น โดยผู้ประกอบการไทยนั้น มองว่ายังมีโอกาสทางการลงทุนใน สปป.ลาว มีช่องว่างในการทำธุรกิจ และขยายการลงทุนได้อีกมาก เนื่องจาก ประเทศลาวนั้น ต้องพึ่งพิงสินค้าจากประเทศไทย เราจะมุ่งเน้นในการเชื่อมต่อ เส้นทาง ทางการเงิน ให้เป็น seamless cross-border transaction ให้คนไทย สามารถสแกนใช้จ่ายในประเทศลาวได้ ผ่านระบบ QR Code Alipay หรือ Unionpay เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการชำระเงินแบบไร้พรมแดน นอกจากนี้เรายังมีศูนย์แนะนำการลงทุน JDB Representative Office ประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ ชั้น 24 อาคาร เกษรทาวเวอร์ (Gaysorn Tower) โดยนักลงทุนไทยสามารถขอคำปรึกษาด้านการเงิน การลงทุน หรือการดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว ได้
“JDB Bank เป็น ธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของ สปป.ลาว ก่อตั้งขึ้นในปี 2522 และเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของ สปป.ลาว โดยมีบทบาทสำคัญในการให้บริการทางการเงินแก่ ภาคธุรกิจและประชาชน ปัจจุบันครบรอบ 35 ปี ได้รับความไว้วางใจ และมีประสบการณ์ยาวนานในระบบการเงินของประเทศ ให้บริการทางการเงินครบวงจร เชื่อมโยงธุรกิจระหว่างประเทศ และ รองรับการค้าการลงทุนระหว่างลาวและประเทศเพื่อนบ้าน เราวางเป้าหมายธนาคารในอีก 5 ปีข้างหน้ามุ่งมั่นเป็นธนาคารดิจิทัลที่เชื่อมโยงทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้า ด้วย “นวัตกรรมที่ปลอดภัย คล่องตัว และยั่งยืน” และก้าวสู่การเป็น Banking Hubs แห่งภูมิภาคอาเซียนภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อไปสู่จุดหมายนั้น เราจะมุ่งเน้น 3 เสาหลักสำคัญ:” นายเอกะพัน ฉายภาพให้เห็นว่า
- ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation ) ลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และสะดวกสบายที่สุด ตั้งแต่บริการ Mobile Banking, AI-driven Financial Advisory ไปจนถึง Blockchain และระบบการชำระเงินที่ไร้รอยต่อ
- การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) การเติบโตต้องไม่ใช่แค่เชิงปริมาณ แต่ต้องเป็นการเติบโตที่คำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางการเงินของลูกค้า เราจะส่งเสริมการลงทุนใน ESG (Environmental, Social, Governance) และสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน
- ประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่า (Customer-Centric Excellence) จะเปลี่ยนจาก “ธนาคารที่ให้บริการทางการเงิน” เป็น “ที่ปรึกษาทางการเงิน” ของลูกค้า ด้วยการใช้ Big Data และ AI เพื่อเข้าใจความต้องการเชิงลึก และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้ามากที่สุด โดยจะเพิ่มฐานลูกค้าดิจิทัลขึ้น 50% พร้อมกับ ขยายบริการด้านสินเชื่อและการลงทุนที่ใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ และยกระดับการให้สินเชื่อและการสนับสนุน SME ให้เติบโตไปพร้อมกับเรา “ธนาคารของเรา ไม่ใช่แค่ที่ที่ให้บริการทางการเงิน แต่เป็นคู่คิดทางการเงินของทุกคน
จากการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจในสปป.ลาว ว่าดร.วิวัฒน์ กิตติพงศ์โกศล ประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ ธนาคารร่วมพัฒนา (Joint Development Bank : JDB) ระบุว่า ด้วยระบบรถไฟความเร็วสูง ส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดด ภาคการบริการ ภาคการเกษตร ได้อานิสงส์ และขยายตัวขึ้นมาก นับเป็นโอกาสสำคัญกับตลาดใน สปป.ลาวที่กลุ่มนักลงทุนไทย จะใช้โอกาสนี้วางระบบซัพพลายเชนเต็มระบบ ที่รองรับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างครบวงจร ด้วยต้นทุนที่ควบคุมได้
กล่าวคือ การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตัวเมืองและเขตที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มผู้ประกอบการไทย เพราะปัจจุบันสภาพที่ดินในลาวยังมีความอุดมสมบูรณ์สูง ราคาเช่าซื้อที่ดินระยะยาวไม่แพง การใช้เป็นที่เพาะปลูกทำการเกษตรจะช่วยลดต้นทุนได้ดี ซึ่งในสปป.ลาว ให้เช่าที่ดินได้ 30 ปี และต่อสัญญาอีก 2 ครั้ง รวมระยะ 90 ปี เมื่อผลผลิตที่ได้ ยังสามารถจัดส่งด้วยระบบราง ที่รองรับด้วยรถไฟความเร็วสูง ส่งต่อไปยังประเทศไทย จีน พม่า กัมพูชา เวียดนาม ด้วยราคาไม่แพงและประหยัดเวลาได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมองว่า กลุ่มนักลงทุนไทย ยังมีโอกาสการลงทุนขยายฐานการผลิตสินค้าเพื่อป้อนตลาดภายใน สปป.ลาว โดยเฉพาะสินค้าอาหารเครื่องดื่ม สินค้าเครื่องมือช่าง และเครื่องใช้ในชีวิตประจําวัน และเชื่อว่าหากภาครัฐทั้งสองประเทศจับมือร่วมเป็นทวิภาคีกัน จะยิ่งช่วยหนุนให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเติบโตและขยายตัวทางการค้าในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวไทยที่กำลังเติบโตถึงขีดสุด จากนักท่องเที่ยวจีน เวียดนาม เกาหลี และยุโรป เสนอแนะให้ภาครัฐ สนับสนุนธุรกิจ Mice ของไทย ให้เกิดการท่องเที่ยวแบบทัวร์วงกลม เริ่มจากเราเป็นจุดรับนักท่องเที่ยว เริ่มต้นเที่ยวในไทย มาลาว และจีน โดยมี Laos Centric เป็นศูนย์กลาง หรือ Land Bridge Country เมืองแห่งการเชื่อมต่อ ทั้งในด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และการเงินสมัยใหม่ ถ้าแบบนี้จะทำให้โอกาสของผู้ประกอบการไทย ทั้งโรงแรม ท่องเที่ยว อาหาร และธุรกิจบริการอื่นๆ เติบโตตามกันมาด้วย
“สำหรับนักลงทุนไทย สามารถติดต่อ JDB Bank เพื่อปรึกษาและรับข้อแนะนำต่างๆ ด้านการลงทุนใน สปป.ลาว ได้ ซึ่ง JDB Bank เป็นธนาคารลาวเจ้าแรกที่มีรากฐานมั่นคง ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุน และปัจจุบันได้ทรานฟอร์ม มาสู่การเป็น Digital Banking เต็มรูปแบบเพื่อเชื่อมโยงทุกการลงทุนครอบคลุมทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียน โดยสำนักงานให้คำปรึกษาศูนย์แนะนำการลงทุน JDB Representative Office ประจำประเทศไทย ให้บริการปรึกษาด้านเศรษฐกิจ การเงิน และตลาดในประเทศลาว ให้กับนักลงทุนต่างชาติ เป็นตัวกลางในการประสานงานกับ ภาครัฐ และเอกชน ในประเทศลาว ตั้งอยู่ที่ ชั้น 24 อาคาร เกษรทาวเวอร์ และเรายังได้ลงนามความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เพื่อขับเคลื่อนการค้าการลงทุนไทย-สปป.ลาว โดย EXIM Bank อาจปล่อย Syndicated Loans เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนได้มีทางเลือก” ดร.วิวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย