‘วิทยาลัยสารพัดช่างตราด’ คว้าแชมป์โลกแกะสลักน้ำแข็งจากหิมะ ที่เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นปีที่สอง

‘วิทยาลัยสารพัดช่างตราด’ คว้าแชมป์โลกแกะสลักน้ำแข็งจากหิมะ ที่เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นปีที่สอง ประกาศปีหน้าเตรียมพร้อมเต็มร้อย มุ่งมั่นคว้าแชมป์มอบเป็นของขวัญคนไทยเป็นปีที่สาม!

สำหรับการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งจากหิมะนานาชาติ ประจำปี 2562 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 มกราคม 2563 ในงาน 12th International Collegiate Snow Sculpture Contest ( 2020 ) ที่เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจากทั่วโลกทั้งหมด 55 ทีม โดยทีมที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ก็ยังคงเป็นนักศึกษาจากประเทศไทย “วิทยาลัยสารพัดช่างตราด” ซึ่งประกอบไปด้วย 4 นักศึกษาแผนกการโรงแรม โจ๊ก-ธวัชชัย สนธิพิณ หัวหน้าทีม, เพียว-ชโยทิต สุขสวัสดิ์, ฝน-น้ำฝน จันทร์จรูญ, น้ำ-พรรณนิภา นามวิชัย ภายใต้การดูแลและควบคุมของอาจารย์ที่ปรึกษา คือ รุ่งนภา อุดมชลปราการ, เกริกไกร นนทลักษณ์ และ ชยกร กุลธวัชชุลิตา ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะ

หลายคนอาจไม่รู้ว่า ทั้งหมดเป็น “ดรีมทีม” ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งจากหิมะนานาชาติตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้สามารถคว้าแชมป์มาได้อีกครั้งถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศและรางวัล Best Technique Award ในชื่อชิ้นงาน “รัก ยืน ยาว” ต้องนับว่าเป็นช้างเผือกแห่งภาคตะวันออกอย่างแท้จริง!

หัวหน้าทีม ธวัชชัย สนธิพิณ ย้อนให้ฟังถึงการแข่งขันเมื่อปีที่แล้วว่า ตัวเองกับเพื่อนๆ ในทีม เรียนแผนกวิชาการโรงแรมจึงไม่ได้มีความรู้พื้นฐานเรื่องศิลปะกันมาก่อน แต่เมื่อตัดสินใจว่าจะไปแข่งเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ก็ต้องสละโอกาสที่จะได้ฝึกงานในสายอาชีพที่เรียนมาเพื่อเก็บตัวก่อนออกเดินทางไปแข่งขัน ต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมแกะสลัก ช่วงเช้าต้องออกกำลังกายเพื่อให้แข็งแรงที่สุด ต้องเดินในโรงน้ำแข็งให้ร่างกายเคยชินกับอุณหภูมิติดลบ พอช่วงเย็นก็จะฝึกแกะสลักไปจนถึงเที่ยงคืน

“รัก ยืน ยาว” คือชื่อแนวคิดการแกะสลักหิมะปีนี้เพื่อร่วมฉลองในวาระครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และมิตรภาพที่ดีระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงพลังอำนาจแข็งแกร่ง สมบูรณ์พูนสุขยิ่งยืนนาน โดยสร้างสรรค์เป็นรูปมังกรผสมผสานกับหงส์ โชว์ฝีมือแกะสลักอย่างประณีตบรรจง แสดงถึงความสวยงามอ่อนช้อยทั้งเกล็ดมังกรและลวดลายกนกไทย จนทำให้ครองใจคณะกรรมการอย่างเป็นเอกฉันท์

รุ่งนภา อุดมชลปราการ หรือครูแก้วของลูกศิษย์ เล่าอย่างภูมิใจว่าเด็กๆ มุ่งมั่นทำงานอย่างดีที่สุด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตั้งใจใส่ใจและมีเลือดนักสู้เต็มตัว ตลอดเวลา 3 เดือนกว่าๆ ที่ฝึกซ้อมมีเรื่องราวมากมาย ทั้งปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นรายวันที่ทำให้ทีมหนักใจ และต้องคอยแก้ไขเพื่อให้ผ่านพ้นไปด้วยดี อย่างวันที่แกะสลักน้ำแข็งเสร็จก่อนกำหนดแล้วก็กลับไปพักผ่อนกัน แต่ปรากฏว่าคืนนั้นหิมะตก ตอนเช้าก็ต้องรีบมาเก็บรายละเอียดชนิดแข่งกับเวลา เพราะต้องทำให้เสร็จก่อนที่คณะกรรมการจะมาให้คะแนน ตลอดระยะเวลาในการแข่งขันเด็กๆ ทุกคนก็ยังเจอกับอุปสรรคมากมายตั้งแต่ก่อนเดินทางมาแข่งขันก็ต้องไปขอยืมชุด เสื้อผ้าจากคนที่รู้จักกันมาใส่ ทั้งรองเท้าที่ใช้ใส่แข่งยางเสื่อมและขาด เด็กๆ ต้องช่วยกันซ่อมรองเท้ากันเอง กระเป๋าเดินทางที่ขอยืมมาก็พัง และยังมีเด็กในทีมบางคนที่ตาบวมเนื่องจากนอนดึกพักผ่อนน้อย เพราะการแข่งขันใช้เวลานาน เมื่อเลิกแข่งก็ต้องกลับมาประชุมงานกันต่อจนดึก แต่เด็กๆ ทุกคนก็สู้และก็สามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้อย่างภาคภูมิใจ

“สำหรับรางวัลชนะเลิศที่ได้รับมาต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ว่าคนไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่า เราไม่ได้ไปเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยอย่างเดียว แต่ยังไปในฐานะของคนตราด ที่จะว่าไปแล้วก็เป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ ของประเทศไทย เป็นเพียงวิทยาลัยสารพัดช่างที่หลายคนอาจมองไม่เห็นความสำคัญ แม้ทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะคัดเลือกให้เราเป็นตัวแทนของประเทศโดยมีงบประมาณสำหรับเป็นทุนฝึกซ้อมและเดินทางไปแข่งขัน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่พวกเราต้องหาเพิ่มกันเองอีก ทุกวันหลังเลิกเรียน เด็กๆ แผนกวิชาการโรงแรมต้องช่วยกันทำขนมไปขาย เพื่อรวบรวมทุนให้เพียงพอสำหรับการเข้าร่วมการแข่งขันในแต่ละปี กว่าจะถึงวันนี้ที่คว้ารางวัลมากอดไว้ได้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของทีมเราเลย

ทีมวิทยาลัยสารพัดช่างตราด สัญญาว่าการแข่งขันในปีหน้าเราจะเตรียมความพร้อมเต็มร้อย เพื่อมุ่งมั่น คว้าแชมป์ มอบเป็นของขวัญให้คนไทยเป็นปีที่สาม และขอขอบคุณหากจะมีผู้สนับสนุนจากอีกหลายองค์กรที่มองเห็นถึงความสำคัญของเวทีแข่งขันนี้ เพราะการที่มีคนไทยสามารถสร้างชื่อเสียงในระดับโลกก็ถือเป็นหนึ่งในความภูมิใจของพวกเราคนไทยทุกคน”