นักวิชาการแนะใช้ AI เปิดประตูแห่งโอกาส

ธุรกิจทั่วโลกให้ความสนใจต่อปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หลายธุรกิจเริ่มใช้ AI แทนแรงงานคน แรงงานยุคนี้จึงต้องพัฒนาตัวเองให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ที่สำคัญ AI อาจช่วยเปิดโอกาสสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี

#AI #bangkokbank #bangkokbanksme #sme

AI กับบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมและแรงงาน ยังคงเป็นประเด็นที่ธุรกิจทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะภาคแรงงาน อาทิ ประเทศไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โรงงานหลายได้นำเทคโนโลยีชั้นสูงมาใช้ในขบวนการผลิตแทนแรงงานคน เพื่อประหยัดต้นทุน ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ว่าคนจะตกจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

มุมมองของ ศ.ดร.ธนารักษ์ ธีระมั่นคง อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์และการสื่อสาร สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะนายกสมาคม AI บอกว่า ต้องยอมรับความจริงที่ว่า AI กำลังถูกพัฒนาและมีผลทำให้ทักษะบางอาชีพค่อยๆ ปิดตัวลง แต่ขณะเดียวกัน AI ก็เปิดประตูแห่งโอกาสอีกบานหนึ่งออกเช่นกันขึ้น อยู่กับสิ่งที่ผู้ประกอบการยุคใหม่นำมาปรับใช้ เพราะAI เป็นเรื่องให้กลัว ทุกวันนี้แม้แต่สมาร์ทโฟนก็มีระบบปฏิบัติการ AI ฉะนั้นการอยู่รอดในยุค AI จึงขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง ที่จะต้องมีทักษะสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จุดแข็ง AI ชัดเจน แม่นยำ ทำงาน 24 ชม.

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจเป็นลำดับแรกก็คือ AI มีการทำงานหลายรูปแบบ อาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

1. รูปแบบการทำงานแบบอัลกอริทึม (Algorithm) ซึ่งเป็นกระบวนการนำเข้าและหาผลลัพธ์ที่เป็นขั้นตอนชัดเจน

2. การทำงานแบบเทคโนโลยีเสริมศักยภาพของมนุษย์ (Augmentation) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกับมนุษย์และเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดระยะเวลาการทำงานลง

3. การทำงานแบบอัตโนมัติ (Autonomy) ซึ่ง AI จะมีบทบาทแทนที่มนุษย์ คือสามารถตัดสินใจแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด

โดยทุกวันนี้ ทั่วโลกยังคงใช้งาน AI ในสองประเภทแรก ส่วนการให้ AI เข้ามามีส่วนในการตัดสินใจแทนมนุษย์หรือทำงานแทนมนุษย์ทั้งหมดนั้น คงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร

แม้ว่าขณะนี้ บทบาทของ AI จะทำหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ หากแต่จุดแข็งของ AI อันประกอบด้วย ความชัดเจน ความแม่นยำ และการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ได้ส่งผลกระทบต่อแรงงานมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น โดยเฉพาะในกลุ่มงานที่ต้องทำอย่างซ้ำๆ และประมวลผลไม่ซับซ้อน

ซึ่งแน่นอนว่าประตูที่กล่าวถึงข้างต้นกำลังถูกปิดลง แต่ประตูอีกบานกำลังค่อยๆ ถูกแง้มออก โดยโอกาสที่เปิดกว้างในยุค AI คือ งานที่มีลักษณะการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ทักษะทางสังคม ทักษะด้านจิตวิทยา การอธิบาย การประสานงาน การตัดสินใจ การประเมินและวิเคราะห์ระบบ การใช้เหตุผล ตลอดจนการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

“ทักษะเหล่านี้เป็น Soft Skill ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลายๆ อย่าง เป็น Multi Skill ที่ต่อยอดไปสู่การเรียนรู้ทักษะอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ดังนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือ มนุษย์ต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่แทบจะตลอดเวลา”

5 ทักษะที่จำเป็นในโลกธุรกิจยุคใหม่

ศ.ดร.ธนารักษ์ วิเคราะห์เทรนด์นี้ว่า งานในโลกยุคใหม่จะเน้นความสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าที่เครื่องจักรผลิตออกมาเป็นมาตรฐานเดียวกัน การทำงานจึงจะไม่ใช่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมแบบเดียวกันหมด หากแต่จะมีลักษณะเป็นหน่วยย่อย เป็นธุรกิจขนาดเล็ก (SMEs) สตาร์ทอัพ ซึ่งเชื่อมต่อกันผ่านเทคโนโลยี มีความคล่องตัวสูง พร้อมจะปรับจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกสถานการณ์ ดังนั้นทักษะที่จำเป็นในโลกยุคใหม่ อาจจัดเป็นหมวดกว้างๆ ได้แก่

1. ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creativity Skill) คือสามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่มีมาประยุกต์และสร้างเป็นไอเดียจำนวนมาก ซึ่งต้องใหม่และสามารถใช้แก้ปัญหาที่แต่ละธุรกิจเจอได้

2. ทักษะการบูรณาการเทคโนโลยี (Integration Skill) ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยี แอปพลิเคชันที่มีหลากหลาย กระจัดกระจาย มาหลอมรวมเพื่อสร้างสิ่งใหม่ได้ สามารถมองเป็นคอนเซ็ปต์ที่ตอบสนองทั้งเทคโนโลยี การตลาด และประโยชน์ของสังคม

3. ทักษะแบบอ่อน (Soft Skill) ซึ่งเน้นไปในทางการสื่อสาร การปรับตัว การแก้ปัญหาที่มีความสลับซับซ้อน ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ซึ่งช่วยให้ย่อยข้อมูลจำนวนมากได้ โดยต้องรู้จักตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ ตีความ ประเมินทางเลือกและตัดสินใจ

4. ทักษะการคิดแบบกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า (Value-Added Development Skill) ทำสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น สร้างสรรค์ขึ้น สร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ

5. ทักษะการสร้างความสุข (Well-Being Skill) ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข โดยทักษะทั้งหมดนี้สามารถประยุกต์เข้ากับทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นในสายเทคโนโลยี การบริการ การท่องเที่ยว การทำธุรกิจ