เคลมประกันบ่อย มีผลกับเบี้ยประกันหรือไม่ – ประกันรถชั้น 1

หลายคนจำเป็นต้องใช้รถบ่อย ๆ ใช้เวลาในการขับรถต่อครั้งนาน อุบัติเหตุ คือสิ่งที่ไม่คาดคิด อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ขณะที่คุณกำลังขับขี่รถยนต์อยู่บนถนน หลายคนจึงต้องเรียกประกันอยู่บ่อย ๆ เคลมจนรู้ทุกขั้นตอนการทำงานของประกัน และหากทำประกันรถชั้น 1 ก็จะสามารถเคลมได้ครอบคลุมทุกอย่างมากกว่าประกันชั้น 3 อีกด้วย หลายคนจึงเกิดคำถามขึ้นว่า ถ้าเคลมประกันบ่อย ๆ จะมีผลกับเบี้ยประกันในปีถัดไปหรือไม่

คำตอบคือ ถ้าเคลมประกันบ่อย มีผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปแน่นอน

เพราะบริษัทประกันจะพิจารณาว่าเรามีประวัติการเคลมบ่อย มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมมาก โดยการพิจารณาคือ มีการเคลมประกันที่ผู้ขับเป็นฝ่ายผิดมากกว่า 2 ครั้ง และมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเสียหายในอุบัติเหตุมากกว่า 200% ของเบี้ยประกัน

ผลคือ ในปีถัดไปบริษัทประกันจะพิจารณาปรับเบี้ยประกันในราคาที่สูงขึ้น โดยทั่วไปจะปรับเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นประมาณ 10-50% แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท ซึ่งหากเราไม่อยากจ่ายค่าประกันในราคาที่สูงมากขึ้นก็อาจจะต้องมองหาบริษัทประกันเจ้าอื่นแทนเจ้าเดิมที่กำลังทำอยู่ แต่ก็ต้องระวังในเรื่องของการติดแบล็คลิสต์ (Blacklist)

การติดแบล็คลิสต์ในประกันรถยนต์คือ ในกรณีที่มีการเคลมประกันจำนวนครั้งที่มากเกินไป หรือ มีค่าใช้จ่ายในการเคลมมากกว่า 200% ของเบี้ยประกัน บริษัทประกันรถยนต์อาจไม่ยินยอมที่จะต่อประกันรถยนต์ในปีถัดไปให้กับคุณ หรือถ้าหากมีการเคลมประกันแบบบ่อยหนักมากสุด ๆ บริษัทประกันก็อาจจะขอยกเลิกการคุ้มคองสิทธิ์ประกันรถยนต์ทันทีโดยไม่รอให้ครบปีที่ทำประกัน

แต่ถ้าคุณติดแบล็คลิสต์ในบริษัทหนึ่ง คุณก็สามารถเปลี่ยนบริษัทประกันเจ้าใหม่ได้เช่นกัน แต่ทางที่ดีอย่าติดแบล็คลิสต์เลยจะดีกว่า เพราะคุณอาจเสียผลประโยชน์ที่ควรได้รับหากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ดี เช่น ส่วนลดเบี้ยประกันในปีถัดไป ในกรณีที่ไม่มีการเคลมต่อเนื่อง เป็นต้น

อย่างไรก็ตามการติดแบล็คลิสต์ประกันรถยนต์ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น คือ ถ้าคุณจ่ายเบี้นประกันรถยนต์ชั้น 1 อยู่ที่ 15,000 บาท ดังนั้น 200% ของ 15,000 บาท ก็จะเท่ากับ 3,000,000 บาท ซึ่งกว่าคุณได้ใบเคลมมูลค่า 3,000,000 บาท คุณจะต้องเจอกับการตรวจสอบต่าง ๆ จากทางบริษัทประกันอีกมากเลยทีเดียว

แล้วแบบนี้คุณสามารถไปเรียกร้องที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่ทาง คปภ. ก็จะพิจารณาคุ้มครองบริษัทประกันภัยไม่ให้โดนเอารัดเอาเปรียบมากเกินไปด้วยเช่นกัน ทางที่ดีควรไม่ประมาทในการขับขี่ มีสติตลอดเวลา และมีความระมัดระวังให้มาก ๆ ก็จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้และจะได้ไม่ต้องเรียกประกันบ่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

ในทางกลับกัน หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ดี มีความระมัดระวังในการขับรถ ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุ และไม่มีประวัติในการเคลม คุณก็สามารถนำข้อดีนี้ไปเป็นส่วนลดเบี้ยประกันได้ ซึ่งนี่ก็จะทำให้คุณสามารถจ่ายค่าประกันในราคาที่ถูกลงได้

โดยส่วนใหญ่จะมีอัตราการปรับลดเบี้ยประกันตามลำดับขั้นดังนี้

1. หากไม่มีประวัติการเคลมประกันในปีแรก ได้รับส่วนลด 20% สำหรับปีต่อไป

2. หากไม่มีประวัติการเคลมประกันในปีที่ 2 ต่อเนื่อง ได้รับส่วนลด 30% สำหรับปีต่อไป

3. หากไม่มีประวัติการเคลมประกันในปีที่ 3 ต่อเนื่อง ได้รับส่วนลด 40% สำหรับปีต่อไป

4. หากไม่มีประวัติการเคลมประกันในปีที่ 4 ต่อเนื่อง ได้รับส่วนลด 50% สำหรับปีต่อไป

ทั้งนี้ การขับขี่ที่ดีนอกจากจะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเองทั้งด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นผลดีกับทางบริษัทประกันและเป็นผลดีกับเบี้ยประกันในอนาคตของคุณด้วย ดังนั้นทุกการเดินทางด้วยรถยนต์ควรมีสติอยู่เสมอและไม่ประมาท หากง่วงก็อย่าฝืนขับรถ และควรเช็คสภาพรถให้ดีก่อนออกเดินทางไกลด้วยเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง