LingoAce ชี้เทรนด์ภาษาจีนมาแรง ส่งผลแค่ 9 เดือน ดันแอปขึ้นเบอร์ 1 ตลาดไทย

LingoAce ปักหมุดตลาดไทยรับเทรนด์ ภาษาจีนมาแรง เดินหน้าหน้าสร้างมิติใหม่ในการเรียนภาษาจีนผ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในการเรียนภาษาจีนที่จะเข้ามาทลายกอบความเชื่อเดิม ๆ และสร้างมุมมองใหม่ต่อการเรียนภาษาออนไลน์

นางสาวณัฐนิช ทองไกรแสน Country Manager LingoAce ประเทศไทย ผู้ให้บริการแพล็ตฟอร์มการเรียนภาษาจีนออนไลน์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด–19 เข้ามาเป็นแรงส่งสำคัญให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนภาษาของคนไทยที่หันมาเรียนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกัน ความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทลายกรอบความคิดเดิม ๆ ในเรื่องของการเรียนออนไลน์ว่าไม่ได้ผล เพราะ LingoAce พิสูจน์ให้เห็นจากการเปิดตัวมาในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาแล้วว่า ถ้าหากมีการพัฒนารูปแบบของการเรียนการสอน ตลอดจนหลักสูตร และเนื้อหาต่าง ๆ ให้มีความน่าสนใจ และเข้าถึงได้ง่ายแล้ว โอกาสที่จะสร้างแรงดึงดูดให้เด็กไทยหันมาสนใจกับการเรียนผ่านแพล็ตฟอร์มออนไลน์ ทำให้ตลอดการทำตลาดในช่วง 9 เดือน พบว่ามีอัตราการเติบโตสูงถึง 300% โดยการขยายสาขาเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น เป็นการมองเห็นโอกาสในการเติบโตที่ เนื่องจากปัจจุบัน ภาษาจีน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นภาษาที่ 3 ที่คนไทยอยากเรียน เนื่องจากปัจจุบันประเทศจีน เข้ามามีบทบาทต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก ขณะที่คนไทยเองก็มีไม่น้อยที่ติดต่อค้าขายกับจีน จึงต้องการที่จะมีความรู้ ความเข้าใจในภาษาจีนมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองที่เป็นคนรุ่นใหม่ ก็มองว่า ในอนาคต ภาษาจีน จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงมีการสนับสนุนให้ลูกหลานได้มีโอกาสในการเรียนภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาษาจีน เข้ามาเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ รองจากภาษาอังกฤษ ที่ผู้ปกครองจะผลักดันให้เด็ก ๆ มีการเรียนเพิ่มเติม

ส่วนการทำตลาดของ LingoAce นั้น จะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ในการเรียนที่ไม่เคยมีใครนำเสนอให้กับตลาดมาก่อน โดยจะเน้นกลยุทธ์หลักที่การส่งมอบคุณภาพให้กับคนเรียนทั้งเรื่องของหลักสูตรที่เป็นมาตรฐานระดับโลกที่ใช้สอนในทั่วโลก รวมถึงคุณภาพของคุณครูผู้สอนที่ผ่านการเทรนนิ่ง เช่นเดียวกับเรื่องของแพล็ตฟอร์มที่มีทีมงานในการพัฒนาจากมาจากฮับที่ประเทศจีน จึงสามารถพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนที่แตกต่างจากโรงเรียนสอนภาษาแบบออฟไลน์ที่มีอยู่เดิม

“ในมุมมองของผู้ปกครองชาวไทย ถ้าเทียบแล้ว ภาษาอังกฤษ ยังคงเป็นอันดับหนึ่งรองจากภาษาไทย ส่วนภาษาที่ 3 ในนอดีตมันจะแข่งกันหลายตัวไม่ว่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาจีน หรือบางคนก็ส่งให้ลูกเรียนฝรั่งเศส เยอรมัน แต่ว่า ในช่วงหลัง เศรษฐกิจจีนมาแรงมาก แล้วก็ ประเทศไทยมีการค้าขายกับจีนเยอะ บางคนผู้ปกครองที่บ้านอาจจะมีโรงงานที่จีน หรือมีซัพพลายเออร์อยู่ที่จีน กลายเป็นว่าเทรนด์ภาษาจีน ค่อนข้างจะนำโด่งในสถานะของการเป็นภาษาที่ 3 คือถ้าใครได้ภาษาไทย และอังกฤษแล้ว ผู้ปกครองแทบจะให้เก่งภาษาจีนเป็นอันดับต่อไป”

LingoAce เป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี การศึกษา (EdTech) ที่มาแรงและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการทำตลาดในหลายประเทศ โดยความโดดเด่นของแพลตฟอร์ม ที่สามารถเติมเต็มและแก้ Pain Point ของการเรียนออนไลน์ในเด็กได้อย่างมี ประสิทธิภาพ อีกทั้งความสำเร็จในการขยายบริการในหลายประเทศอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่ปี ปัจจุบันเปิดให้บริการ พร้อมเปิดสำนักงานแล้ว 6 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ สำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์ และสำนักงานอื่น ๆ ในหลายเมืองสำคัญได้แก่ ปักกิ่ง และ อู่ฮั่น ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ลอสแองเจลิส ในสหรัฐอเมริกา จาร์กาตาร์ ในอินโดนีเซีย ส่วนในเมืองไทย มีการขยายการบริการเข้ามาเมื่อปี 2020 ทำให้ปัจจุบันมีนักเรียนบนแพลตฟอร์มรวมกว่า 300,000 คนทั่วโลก

ผู้บริการของ LingoAce กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ LingoAce ประสบความสำเร็จและสร้างผลลัพธ์ที่พึงพอใจให้กับผู้ปกครอง และนักเรียนในหลายประเทศนั้น นอกจากพื้นฐานของระบบและหลักสูตรที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างมี ประสิทธิภาพแล้ว ในแต่ละประเทศ LingoAce จะพัฒนาหลักสูตร รวมถึงการออกแบบจำนวนโปรแกรมที่ แตกต่างกันออกไป เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ได้ตามวัตถุประสงค์ใน การเรียนของเด็กให้สอดคล้องกับ การเรียนการสอนและปริบทของประเทศนั้น ๆ

“การพัฒนาเทคโนโลยีที่เน้นสร้างประสบการณ์การเรียนการสอนที่แตกต่างนี้ ทำให้เราสามารถ Customized การสอนแบบลงลึกไปยังลูกศิษย์แต่ละคนว่า น้องไปได้เร็วหรือช้า ครูจะเอาบทเรียนไหน หรือเอาส่วนไหนมาสอน เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าใจ และสนุกไปกับการเรียนได้”

นางสาวณัฐนิช กล่าวอีกว่า ด้วยการเป็น โกลบอล แพลตฟอร์ม การเรียนภาษาจีนออนไลน์ที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ทำให้มีสเกลค่อนข้างใหญ่ ผลที่ตามมาก็คือ การมีค่าเรียนที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการเรียนในรูปแบบเดิม โดยในคลาส 4 คน จะมีค่าเรียนเฉลี่ยชั่วโมงละ 200–300 บาทแล้วแต่แพ็กเกจในระยะยาวที่แต่ละคนซื้อ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และไม่สามารถที่จะเรียนภาษาจีนราคานี้ได้ในโรงเรียนสอนภาษาจีนออฟไลน์ ที่ได้มาตรฐานในระดับที่พอแข่งขันได้กับ LingoAce ได้ ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ปกครองคนไทย ส่งผลให้ LingoAce สามารถก้าวขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ของเซ็กเม้นต์ที่เป็นการเรียนภาษาจีนในเมืองไทย

“เราต้องการที่จะเป็นแพลตฟอร์มการเรียนภาษาออนไลน์ที่เข้ามาช่วยผลักดันให้เด็กไทยเติบโตขึ้นไปเป็น Global Citizen ได้ในอนาคต ซึ่งภาษาจะเป็นก้าวแรกที่ทำให้เด็กไทยเปิดโอกาสเติบโตสู่สังคมโลกได้อย่างมีคุณภาพ ในอนาคตนอกจากภาษาจีนแล้ว LingoAce ยังมองถึงการล้อนช์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นการเรียนภาษาอื่น ๆ ตามมา โดยในช่วงแรกจะโฟกัสที่ภาษาจีนเป็นหลักก่อน” นางสาวณัฐนิช กล่าวสรุป