
เปิดวิสัยทัศน์ วิศวกรรุ่นใหม่ไฟแรงทายาทรุ่นที่ 2 ของชลิต อินดัสทรีฯ “ชวิศ ยงเห็นเจริญ” ผู้ทุ่มเทให้งานทั้งตัวเเละหัวใจ กับ 3 กลยุทธ์หลัก เพิ่มยอดขาย เน้นคุณภาพ ปรับปรุงประสิทธิภาพ
วันนี้เราได้รับเกียรติจากผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงของวงการชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ คุณซัน-ชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ทายาทรุ่นที่ 2 ของชลิต อินดัสทรีฯ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยางของไทย ภายใต้แบรนด์ “POP” ในวงการ REM นี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ผลิตภัณฑ์ยางอะไหล่ทดแทน “POP” ของบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เพราะดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี เรียกว่ามีความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ “POP” นั้นมีคุณภาพสูงระดับสากลกันเลยทีเดียว ภายใต้ข้อคิดในการทำงานที่ว่า “ผมมีความตั้งใจในการทำงาน พร้อมจะทุ่มเทให้กับงาน ตลอด 6 ปี ที่เข้ามาบริหารงาน ผมเรียนรู้และได้ประสบการณ์ดีๆ จากงานที่ทำมาโดยตลอด ผมเชื่อว่างานทุกๆชิ้น ทุกๆส่วนล้วนเป็นครูที่ดีที่สุดสำหรับเรา”
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
ชลิต อินดัสทรี มีแนวทางชัดเจนในการศึกษาและวิจัยนวัตกรรมสู่ตลาดโดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากโรงงานบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ การันตีด้วยผลิตภัณฑ์ไทยคุณภาพที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T MARK) ระบบบริหารงานด้านคุณภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (IATF 16949: 2016 Automotive Quality Management System Standard) การรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO9001) และใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ปัจจุบันมีสินค้ามากกว่า 4,000 รายการ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถเพื่อการพาณิชย์ รถบรรทุก รถญี่ปุ่น รถยุโรป รวมทั้งการผลิตตามความต้องการของลูกค้าโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน และพึงพอใจลูกค้ามากที่สุด อาทิ ยางแท่นเครื่อง, ยางแท่นเกียร์, ยางกันกระแทก, ยางเพลากลาง, บู๊ชปีกนก และ บูชโช๊คอัพล่าง
“ผมเข้ามาสานต่อและบริหารงานต่อจากครอบครัว โดยมีปณิธานแนวแน่ที่จะนำพา “ชลิต อินดัสทรี” ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน การที่เราจะนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้นั้น การกำหนดกลยุทธ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เราให้ความสำคัญกับหลักการบริหารงานให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของงาน ให้สอดคล้องซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันก็สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ ตามความเหมาะสม โดยจะลำดับความสำคัญกับทำงานที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกๆ”
สำหรับวิสัยทัศน์ขององค์กร ชลิต อินดัสทรี คือ บริษัทชั้นนำของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองความความพึงพอใจและความต้องการของลูกค้าได้ตรงตามเวลา ในราคาที่ยุติธรรม ด้วยบริการที่ดีและรวดเร็ว โดยเรามีพันธกิจ (Mission) คือ 1. พัฒนาความสามารถของบุคลากรทั้งความรู้-ทักษะ, เครื่องมือ-เทคนิคการผลิตเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และ 2. ตอบสนอง-ประสานงานกับลูกค้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณซัน-ชวิศ ยงเห็นเจริญ ยังได้เล่าถึง กลยุทธ์ในการนำพาองค์กรสู่เป้าหมายความสำเร็จที่วางไว้คือ “ด้วยที่ผมมี Background เป็นวิศวกร ช่วงแรกที่ผมเริ่มทำคือการทำ SWOT Analysis และประเมิน Requirements ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท โดยการทำ Brainstorming ร่วมกับพนักงานในทุก ๆส่วน รวมไปถึงผู้บริหารระดับสูงคือ เป็นการทำงานร่วมกันของทั้งองค์กร เพื่อเป็นเหมือนการประเมินจุดแข็ง-จุดอ่อน ของบริษัท และเพื่อที่ตัวผมจะได้เข้าใจบริษัทมากขึ้น หลังจากการทำ SWOT แล้วสิ่งที่ตามมาคือการนำข้อมูลที่ได้มาทำ Risk Analysis และมีการจัด Rank จากรุนแรงมากจนถึงน้อย และเพื่อจะเป็นการสื่อสารเชิง Visual ผมใช้ “สี หรือ Color Coding” ในการนำเสนอครับ หลังจากนั้นผมจึงนำข้อมูลทั้งสองมากำหนดเป็นกลยุทธ์ครับ โดยมี 3 กลยุทธ์ใหญ่ๆ คือ ด้านคุณภาพ, ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพ และด้านเพิ่มยอดขาย นอกจากนี้ในแต่ละกลยุทธ์หลักก็จะมีการประชุมกับผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆและกำหนดกลยุทธ์ย่อยต่อไปเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้ และจึงทำ KPI เพื่อชี้วัดสำหรับการติดตามผลครับ ซึ่งแน่นอนครับผมมีคำพูดหนึ่งที่ผมเพิ่งจะมาเข้าใจเมื่อตอนทำงานคือ “We can’t boil the whole ocean in one night” ผมจึงมีการกำหนดกลยุทธ์ออกมาเป็นแผน 3 ระยะ คือ แผนระยะสั้น แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว โดยการจัดอันดับความสำคัญและความเร่งด่วนครับ |
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกได้รับผลกระทบ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเอง ชลิต อินดัสทรี ก็เช่นกัน ยอดขายโดยรวมของบริษัทหยุดชะงักไปบ้าง แต่ด้วยการวางแผนตั้งรับและมองการณ์ไกลของผู้บริหารหนุ่ม จากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคนในเรื่องมาตรการการป้องกันโรค ทำให้บริษัทได้ผ่านวิกฤติครั้งนี้มาได้อย่างดี อีกทั้งที่บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายจึงยังพอเห็นตัวเลขในการเติบโตในกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มให้ชื่นใจได้
ผู้บริหารหนุ่มของเรายังได้เตรียมแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้กับแพลน 3-5 ปีข้างหน้าไว้ว่า “บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรต่อไปตามแผนที่วางไว้ 1.ยกระดับบุคลากรและพัฒนาฝีมือแรงงาน 2.สร้างความรู้เชิงทฤษฎีและปฏิบัติ จัดตั้ง Training Centre 3.รับงาน OEM มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ 4.ขยายการผลิตและผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบขึ้นเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “POP” และสร้างความมั่งคง ยั่งยืนขององค์กรแบบองค์รวม” และนี้คือมุมมองในการบริหารของวิศวกรหนุ่มไฟแรงของเรา “ซัน-ชวิศ ยงเห็นเจริญ”