ดูแลฟันแต่ละช่วงวัย ทำได้อย่างไร

คอลัมน์ : สุขภาพดีกับรามา
ผู้เขียน : ทพญ.ชุติมา จรรยาธรรม ฝ่ายทันตกรรม 
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

สุขภาพฟันที่ดีไม่เพียงทำให้รู้สึกมั่นใจเวลายิ้มเท่านั้น แต่ยังทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพอีกด้วย เพราะฟันที่แข็งแรงทำให้รับประทานอาหารได้อย่างอร่อยและได้รับโภชนาการที่ดีจากอาหารเหล่านั้นด้วย การดูแลฟันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก

การดูแลฟันในวัยเด็ก เด็กแรกเกิดที่ยังไม่มีฟัน แนะนำทำความสะอาดช่องปากด้วยการใช้ผ้าสะอาดเช็ดบริเวณสันเหงือกและกระพุ้งแก้ม เมื่ออายุ 6 เดือนจะมีฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น ทำความสะอาดโดยใช้แปรงสีฟันร่วมกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เลือกใช้แปรงสีฟันและปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมตามคำแนะนำของทันตแพทย์

แนะนำให้เลิกขวดนมได้ตั้งแต่อายุ 1.5 ปี เพื่อลดความเสี่ยงฟันผุ เด็กจะมีฟันแท้ซี่แรกขึ้นตอนอายุ 6 ปี ช่วงอายุ 6-12 ปี จะเป็นระยะฟันผสม ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ลด เลี่ยงอาหารหวานเหนียวติดฟัน เพื่อป้องกันฟันผุ และพาไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน

การดูแลฟันในวัยรุ่น ชุดฟันจะเป็นชุดฟันแท้ทั้งหมด วัยรุ่นจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบรับประทานขนม อาหารหวานบ่อย และมีกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อนมากขึ้น จึงอาจละเลยการดูแลสุขภาพช่องปาก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้มีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบได้มากขึ้น

แนะนำให้แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับใช้ไหมขัดฟันเพื่อป้องกันฟันผุและลดการเกิดคราบจุลินทรีย์และหินปูนที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน และฟันคุดเป็นอีกอาการหนึ่งที่พบได้บ่อยในช่วงอายุประมาณ 18 ปี

การดูแลฟันในวัยผู้ใหญ่ ปัญหาของสุขภาพฟันในช่วงวัยทำงาน ส่วนใหญ่มาจากลักษณะการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น คนทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศ มักจะมีพฤติกรรมรับประทานจุบจิบ การดื่มชา กาแฟ มีผลทำให้มีคราบสีน้ำตาลสะสมบนผิวฟัน

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน อาจทำให้ละเลยต่อการดูแลสุขภาพช่องปากทำให้เกิดฟันผุ หินปูนสะสมเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่าย การดูแลสุขภาพฟันในวัยนี้ แนะนำให้แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน

การดูแลฟันในวัยชรา ปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบจะเป็นฟันผุ ทั้งตัวฟันและรากฟันเนื่องจากมีการร่นของเหงือกร่วมด้วย การสูญเสียฟันเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่มักพบในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นผลจากโรคฟันผุหรือโรคปริทันต์อักเสบที่ลุกลามจนไม่สามารถรักษาได้จนต้องถอนออก ทำให้ต้องใส่ฟันปลอมทดแทนเพื่อคงสภาพฟันไม่ให้ฟันล้มเอียงและทำให้มีการบดเคี้ยวปกติ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีภาวะโภชนาการที่ดีได้รับสารอาหารครบถ้วน

ADVERTISMENT

ดังนั้น นอกจากจะทำความสะอาดฟันธรรมชาติแล้ว ต้องทำความสะอาดฟันปลอมให้ดีด้วย ในผู้สูงอายุอาจพบอาการปากแห้ง น้ำลายน้อย เนื้อเยื่อในช่องปากบางลงมีโอกาสเกิดแผลในช่องปากได้ง่าย การดูแลสุขภาพฟันในวัยนี้ แนะนำให้แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับการใช้ไหมขัดฟัน และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน

5 ความเชื่อ เรื่องการดูแลฟัน

ความเชื่อที่ 1 ฟันน้ำนมไม่ต้องดูแลมาก เพราะเดี๋ยวก็หลุด ความเชื่อนี้ไม่จริง เพราะฟันน้ำนมมีความสำคัญเช่นเดียวกับฟันแท้ เด็กใช้ฟันน้ำนมในการบดเคี้ยวอาหารเพื่อนำสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ ฟันน้ำนมยังช่วยให้เด็กออกเสียงพูดได้ชัดเจนด้วย

โดยปกติฟันน้ำนมซี่แรกมักขึ้นเมื่ออายุ 6 เดือน เด็กจะใช้งานฟันน้ำนมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งซี่สุดท้ายหลุดเมื่ออายุ 12 ปี หากฟันน้ำนมผุและถูกถอนออกไปก่อนฟันแท้จะขึ้น ฟันแท้ที่ขึ้นมาใหม่มักมีโอกาสซ้อน เก หรือขึ้นไม่ได้

ความเชื่อที่ 2 ฟันหลุดให้โยนขึ้นหลังคาบ้าน ความเชื่อนี้ไม่จริง เราอาจเคยได้ยินว่าถ้าฟันน้ำนมซี่บนหลุดให้โยนลงข้างล่าง แต่ถ้าฟันซี่ล่างหลุดให้โยนขึ้นข้างบน แต่หากฟันแท้หลุดแล้วโยนในลักษณะนี้ เราอาจสูญเสียฟันซี่นั้นไป เนื่องจากปัจจุบันมีวิธีการดูแลรักษาฟันแท้ที่หลุดออกมาได้แล้ว

ความเชื่อที่ 3 ฟันผุอมน้ำเกลือช่วยได้ ความเชื่อนี้ไม่จริง น้ำเกลือไม่ได้ช่วยให้ฟันหายผุ แต่อาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้บ้าง เพราะน้ำเกลือทำให้เศษอาหารที่ติดอยู่ในรูฟันผุหลุดออกมาได้ จึงบรรเทาอาการปวดได้ระยะหนึ่ง หากมีฟันผุควรมาพบทันตแพทย์เพื่อกรอเอาฟันผุออก แล้วอุดฟันใหม่

ความเชื่อที่ 4 ขูดหินปูนบ่อย ๆ ทำให้ฟันโยก รากฟันไม่แข็งแรง ความเชื่อนี้ไม่จริง เครื่องมือที่ทันแพทย์ใช้ขูดหินปูนจะใช้การสั่นสะเทือนไปกระเทาะหินปูนให้หลุดออกมา ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวฟันและรากฟัน แต่หากคนไข้มีหินปูนเยอะ หินปูนจะยึดฟันไว้แน่น เมื่อขูดออกอาจรู้สึกว่ามีฟันโยก แต่อาการฟันโยกนั้นมักเกิดจากโรคปริทันต์อักเสบ หรือโรครำมะนาด

ความเชื่อที่ 5 ฟันโยกให้ใช้เส้นด้ายดึงออกมา ความเชื่อนี้ไม่จริง โดยปกติฟันน้ำนมที่โยกจะมีรากฟันละลายออกมาด้วย แต่หากฟันแท้โยกมักมีสาเหตุจากโรคปริทันต์อักเสบ รากฟันจึงไม่ได้ละลายออกมา แต่ยังอยู่กับเหงือกที่มีเส้นประสาท เมื่อดึงออกคนไข้จึงรู้สึกเจ็บมาก เพราะฉะนั้น หากมีฟันโยก ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อถอนฟันอย่างถูกวิธี

โดยปกติทันตแพทย์แนะนำให้ตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน แต่ถ้าสังเกตเห็นฟันผุ ฟันมีรู เป็นจุดดำ มีเหงือกอักเสบ บวมแดง มีเลือดออกตามไรฟัน มีกลิ่นปาก หรือมีอาการปวดฟัน เสียวฟัน ควรมาพบทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาเพื่อดูแลฟันต่อไป