รู้ทัน ข้อเข่าเสื่อม ออกกำลังกายถูกวิธี ช่วยได้

คอลัมน์ สุขภาพดีกับรามาฯ 
โดย อ.นพ.กุลพัชร จุลสำลี

ข้อเข่าเสื่อม หมายถึง ภาวะที่กระดูกอ่อนผิวข้อ (articular cartilage) เกิดการเสื่อมสภาพและสึกเหรอ โดยในระยะแรกนั้น กระดูกอ่อนผิวข้อจะมีการสูญเสียคุณสมบัติทางชีวโมเลกุล มีความหนาของชั้นผิวข้อที่ลดลง เมื่อเป็นมากขึ้นกระดูกอ่อนผิวข้อจะเสื่อมสภาพไปทั้งหมด ทำให้กระดูกบริเวณข้อต่อเกิดการเสียดสีโดยตรง เป็นสาเหตุของอาการเจ็บขัดในการใช้ชีวิตประจำวัน ในระยะสุดท้ายจะเกิดปัญหาข้อเข่าผิดรูป, ข้อเข่าหลวมไม่มั่นคง, ขยับข้อเข่าได้ลดลง ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและคุณภาพชีวิตอย่างมาก

โรคข้อเข่าเสื่อม สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

1.ข้อเข่าเสื่อมชนิดปฐมภูมิ (primary osteoarthritis of knee) หมายถึง ภาวะข้อเข่าเสื่อมโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หมายรวมถึงภาวะข้อเข่าเสื่อมที่เกิดขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ทั้งนี้โอกาสเป็นโรคและความรุนแรงของโรคจะแตกต่างกันไปขึ้นกับปัจจัยเสี่ยง ได้แก่

1.1 เพศหญิง พบว่าเพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย 1.7 เท่า

1.2 มีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (body mass index) มากกว่า 23 จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม 2.0-2.7 เท่าของผู้ที่มีดัชนีมวลกายอย่างน้อย 23

1.3 มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการยกของหนัก การย่อตัวคุกเข่ากับพื้นบ่อย ๆ เป็นระยะเวลานาน เช่น เกษตรกร, ช่างก่อสร้าง เป็นต้น

1.4 ขาดการออกกำลังกาย หรือมีวิถีชีวิตแบบเนือยนิ่ง (sedentary lifestyle)

1.5 ปัจจัยด้านพันธุกรรม

2.ข้อเข่าเสื่อมชนิดทุติยภูมิ (secondary osteoarthritis of knee) หมายถึง ภาวะข้อเข่าเสื่อมที่มีสาเหตุแน่ชัด อาทิ

2.1 มีประวัติเป็นโรคข้อเข่าติดเชื้อรุนแรงมาก่อน

2.2 เคยประสบอุบัติเหตุ กระดูกหักร่วมกับกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย หรือกระดูกขาหักติดผิดรูป

2.3 มีประวัติได้รับการบาดเจ็บ เส้นเอ็นข้อเข่าฉีกขาด เช่น เอ็นไขว้หน้าหรือไขว้หลังขาด เป็นต้น

2.4 มีโรคประจำตัว เช่น โรคข้ออักเสบรูมาติซึม, โรคเกาต์ หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

อาการและอาการแสดงของโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถแบ่งได้ ดังนี้

1.อาการในระยะแรก

1.1 อาการขัดในข้อเข่า โดยจะมีอาการในช่วงแรกของการเดิน อาการมักจะเกิดขึ้นภายหลังจากตื่นนอน หรือนั่งเป็นระยะเวลานาน อาการขัดมีลักษณะคล้ายเข่าติด ไม่สามารถก้าวเดินได้ทันที อาจต้องยืนสักพักแล้วค่อย ๆ ก้าวเดิน
เมื่อเดินต่อไปสักระยะอาการจะทุเลาลง

1.2 มีเสียงดังกรอบแกรบคล้ายของแข็งเสียดสีกันในข้อเข่า โดยสามารถสังเกตได้โดยการวางมือที่ด้านหน้าหัวเข่า แล้วขยับเข่างอ-เหยียดไปมา จะรู้สึกได้ถึงลักษณะฝืดเคืองในหัวเข่า

1.3 เจ็บหัวเข่าทุกครั้งที่ขึ้น-ลงบันได หรือนั่งแล้วลุกจากพื้นราบ

2.อาการเมื่อเป็นข้อเข่าเสื่อมระยะหลัง

2.1 มีอาการปวดขัดมากขึ้น โดยมักจะมีอาการตลอดระยะเวลาที่เดิน

2.2 มีอาการข้อเข่าบวมอักเสบบ่อย ๆ โดยมักจะเป็นภายหลังจากการเดินเป็นระยะเวลานาน

2.3 ข้อเข่าผิดรูป อาทิ ข้อเข่าโก่ง คด หรือเก

2.4 งอ-เหยียดหัวเข่าได้ไม่สุด

2.5 หัวเข่าหลวม เวลาเดินลงน้ำหนักมีการสะบัดของข้อเข่า ทำให้ทรงตัวลำบากหรือเดินตัวเอียง

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม

เนื่องจากโรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของร่างกาย ในปัจจุบันยังไม่มีวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทำให้หัวเข่าหายเสื่อม หรือกลับไปเป็นข้อเข่าปกติได้ ดังนั้นการรักษาด้วยวิธีการต่าง ๆ ในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการที่เกิดจากการเสื่อม และชะลอการเสื่อมมิให้เกิดการดำเนินโรคมากขึ้นเท่านั้น โรคข้อเข่าเสื่อมทุกระยะมีโอกาสดีขึ้นด้วยวิธีการรักษาแบบอนุรักษนิยม

ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมทุกคนควรเริ่มต้นการรักษาด้วยวิธีอนุรักษนิยมก่อนเสมอ ซึ่งได้แก่

1.การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน อาทิ หลีกเลี่ยงการนั่งกับพื้น, การคุกเข่า หรือนั่งเก้าอี้ที่มีความสูงต่ำกว่าระดับหัวเข่า เป็นต้น

2.การควบคุมน้ำหนักตัว โดยมีเป้าหมายให้ดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (20-23 kg/m2)

3.การออกกำลังกาย บริหารกล้ามเนื้อรอบหัวเข่าอย่างสม่ำเสมอ เลือกการออกกำลังกายที่ไม่เกิดแรงกระแทกบริเวณหัวเข่า เช่น การเดิน, เดินเร็ว, ขี่จักรยาน และว่ายน้ำ เป็นต้น

4.หลีกเลี่ยงการยก หรือแบกของหนักโดยไม่จำเป็น

5.การใช้ยารับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น ยาบรรเทาอาการปวด อักเสบ เป็นต้น

6.ในกรณีที่อาการเป็นมาก อาจพิจารณาการฉีดยาเข่าข้อเข่าได้ตามวิจารณญาณของแพทย์ผู้รักษา ในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอนุรักษนิยมแล้วอาการไม่ดีขึ้นตามสมควรนั้น แพทย์ผู้รักษาอาจแนะนำวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้นมีหลายวิธี อาทิ การผ่าตัดแก้ไขแนวกระดูกขา (high tibial osteotomy), การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าแบบด้านเดียว (unicompartment knee replacement) และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมทั้งข้อ (total knee replacement) เป็นต้น ซึ่งมีข้อบ่งชี้แตกต่างกันขึ้นกับอาการ, ระยะของโรค และวิจารณญาณของแพทย์ผู้รักษา

โรคข้อเข่าเสื่อมนั้นเป็นภาวะที่พบได้มากขึ้นในสังคมสูงอายุ อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาวะที่ดี รวมถึงการออกกำลังกายอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค ชะลอและบรรเทาอาการของโรคได้เป็นอย่างดี


หมายเหตุ : อ.นพ.กุลพัชร จุลสำลี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล