สุขภาพดีกับรามาฯ ผศ.พญ.อรวิน วัลลิภากร
โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า Trichomonas vaginalis พบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่จะพบได้ในเพศหญิงมากกว่า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ตัวพยาธินั้นมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ความน่ากลัวของโรคนี้ คือ หากเป็นแล้วจะพบผู้ป่วยที่แสดงอาการเพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว และแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนได้
เชื้อราในช่องคลอดและพยาธิในช่องคลอดต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างของเชื้อราในช่องคลอด และพยาธิในช่องคลอด สามารถแยกได้จากลักษณะอาการที่เด่น ๆ เช่น เชื้อราในช่องคลอดมักจะก่อให้เกิดอาการคันมากกว่า และตกขาวจะมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก แต่พยาธิในช่องคลอดจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีอาการแสบบริเวณอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์
อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด
-มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
-มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด
-บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
-ปวดปัสสาวะบ่อย
-เจ็บปวดขณะปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์
การป้องกัน
-สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
-ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
-หากพบว่ามีอาการตกขาวผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีการรักษา
โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการรับประทานยาตามแพทย์สั่งต่อเนื่อง 7-10 วัน แต่ถึงแม้จะรักษาจนหายขาดแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ เนื่องจากกลับไปมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเดิมที่ติดเชื้อ ดังนั้นในทางการแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดและคู่นอนมารับการตรวจและรักษาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
หมายเหตุ : ผศ.พญ.อรวิน วัลลิภากร สาขาวิชาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล