คอลัมน์ สุขภาพดีกับรามาฯ โดย อ.พญ.วรรณดา ไล้สวน
“แพ้ยา” เป็นอันตรายของการใช้ยาที่เกิดจากปฏิกิริยาการต่อต้านของร่างกาย สามารถเกิดขึ้นได้กับยาทุกชนิด ทั้งยากิน ยาฉีด ยาทา หรือยาดมสลบ อาการแพ้ยาขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละคน ความรุนแรงมากที่สุดคือสามารถทำให้เสียชีวิตได้
อาการแพ้ยา เกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันไวเกินไปต่อตัวยาชนิดนั้น ๆ จึงแสดงอาการแพ้ออกมา โดยอาการแพ้ยามีหลายอย่าง เช่น เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง ตับอักเสบ และอาการอื่น ๆ ซึ่งสามารถเกิดได้กับทุกระบบในร่างกาย อาการแสดงและความรุนแรงของการแพ้ยาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยอาจเป็นที่ตัวคนไข้เอง หรือขึ้นอยู่กับชนิดของยา
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 เมษายน 2567
- หวยงวด 16 เมษายน ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้ (16 เม.ย. 67)
อาการของการแพ้ยา แบ่งได้ใหญ่ ๆ 2 ชนิด ได้แก่
1.การแพ้ยาชนิดฉับพลัน มักเกิดอาการหลังจากได้ยาทันทีหรือเป็นชั่วโมง แต่มักไม่เกิน 6 ชั่วโมง อาการแสดงที่พบบ่อย ได้แก่ ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก ปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาจรุนแรงมากจนทำให้เกิดภาวะช็อก หากได้รับการรักษาไม่ทัน อาจเสียชีวิตได้
2.การแพ้ยาชนิดไม่ฉับพลัน มีอาการแสดงได้หลายแบบขึ้นกับลักษณะการแพ้
– การแพ้ยาชนิดไม่ฉับพลัน แบบไม่รุนแรง (maculopapular eruption) มักเกิดภายหลังจากได้รับยา ประมาณ 5-7 วัน ผู้ป่วยมักมาด้วยผื่นแดง คันตามร่างกาย
– การแพ้ยาชนิดไม่ฉับพลันแบบรุนแรง (severe cutaneous adverse reaction) พบเกิดอาการหลังได้รับยาตั้งแต่ประมาณ 1 อาทิตย์ จนถึงระยะเวลาหลายสัปดาห์ โดยผู้ป่วยมักมีผื่นแดงคัน บริเวณลำตัวและใบหน้า มีไข้ บางรายที่รุนแรงมาก อาจมีตุ่มน้ำ ผิวลอก ตุ่มน้ำที่เยื่อบุอ่อน เช่น เยื่อบุตา ปาก และอวัยวะเพศ รวมทั้งมีความผิดปกติของระบบอื่น ๆ ได้แก่ ตับอักเสบ ความผิดปกติของเม็ดเลือด เป็นต้น
หากมีอาการแพ้ยาควรทำอย่างไร?
หยุดยาและรีบพบแพทย์ หากพบว่ามีอาการผิดปกติหลังได้รับยาภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายใน 2-3 วัน ควรนำยาที่ตนเองได้รับติดตัวไปด้วย เพื่อให้แพทย์พิจารณา ควรถ่ายภาพความผิดปกติของตนเองเก็บไว้ เพื่อให้แพทย์พิจารณาประกอบ เช่น ภาพผื่น เพราะผื่นบางชนิดเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะแล้วหายไป หลีกเลี่ยงการทำให้อาเจียน และการซื้อยาแก้แพ้กินเอง หากมีประวัติแพ้ยา ควรจดจำชื่อยาที่ตนเองแพ้ และแจ้งแพทย์ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา
หมายเหตุ : อ.พญ.วรรณดา ไล้สวน สาขาวิชาโรคภูมิแพ้อิมมูโนวิทยาและโรคข้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล