สุขภาพดีกับรามาฯ อ.พญ.โสภิดา บุญสาธร
โรคไอกรน คือ โรคติดต่อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Bordetella pertussis เป็นโรคที่พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ปัจจุบันอุบัติการณ์ของโรคลดลงมากเนื่องจากมีวัคซีนป้องกันโรค
อาการ
– ส่วนใหญ่ เริ่มมีไอเล็กน้อย
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
– ไอต่อเนื่อง ในเด็กโตและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง แต่จะมีอาการไอแห้ง ๆ นานเกิน 10 วัน
– มีน้ำมูก เหมือนโรคหวัดธรรมดา ต่อมาจะเริ่มมีอาการไอ
ในทารกและเด็กเล็กอาจจะมีอาการรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่
– ภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยคือ ปอดอักเสบ
– มีเลือดออกในเยื่อบุตาจากการไอมาก ๆ
– ไอหนักจนหน้าซีดเขียว หรือหยุดหายใจ
– มีอาการชัก เนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยงสมองในขณะที่ไอถี่ ๆ
การป้องกัน
กลุ่มเด็ก การฉีดวัคซีนในเด็กจะให้เป็นวัคซีนรวมกับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบและโรคบาดทะยัก (เข็มแรก…) หลังจากนั้นจะให้วัคซีนอีกครั้งตอนอายุ 10-12 ปี และหลังจากนั้นควรได้รับวัคซีนกระตุ้นทุก 10 ปี หากเด็กไม่เคยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น สามารถให้วัคซีนรวมที่มีโรคไอกรนอยู่ด้วยได้
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ โดยปกติกลุ่มนี้จะต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักอยู่แล้ว แนะนำให้รับเป็นวัคซีนรวมที่มีโรคไอกรนอยู่ด้วย โดยควรได้รับเมื่ออายุครรภ์ 27-36 สัปดาห์
กลุ่มผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในบ้านที่มีทารกและเด็กเล็กควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังเด็ก
การรักษา
เชื้อไอกรนจะมีอยู่ในลำคอของผู้ป่วยในช่วงแรก ดังนั้น การให้ยาปฏิชีวนะจะได้ผลดีเมื่อให้ในระยะแรกที่มีอาการ หากผู้ป่วยมีอาการไอต่อเนื่องไม่หยุด การรักษาด้วยยาอาจไม่ได้ผลดี แต่ยังมีประโยชน์เพราะจะช่วยกำจัดเชื้อโรคที่อาจจะยังมีอยู่ให้หมดไปเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
หมายเหตุ : อ.พญ.โสภิดา บุญสาธร สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล