รู้ทัน มะเร็งปอด สาเหตุและอาการอาจไม่ได้เกิดที่ปอด

สุขภาพดีกับรามาฯ รศ.พญ.ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา

“มะเร็งปอด ไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิด” เป็นประโยคที่หมอมักจะบอกผู้ป่วย เหตุผลส่วนหนึ่งเพื่อให้กำลังใจผู้ป่วย อีกส่วนหนึ่งคือมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

มะเร็งปอดแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ 2 ชนิด คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก และชนิดเซลล์ที่ขนาดไม่เล็ก ซึ่งในกลุ่มหลังนี้พบได้ 85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด และในกลุ่มนี้ยังมีแยกย่อยอีกหลายชนิด เช่น squamous cell carcinoma, adenocarcinoma และอื่น ๆ

ในสมัยก่อนนั้นการวินิจฉัยมะเร็งปอดทำได้ยาก แต่พอเข้าสู่ยุคที่มีการทำสแกนคอมพิวเตอร์ (CT scan) การสแกนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และล่าสุด PET scan รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ของการส่องกล้องหลอดลม และการเจาะตรวจชิ้นเนื้อนั้นทันสมัยขึ้น ทำให้เราวินิจฉัยได้รวดเร็วเมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ

อาการต่าง ๆ เหล่านั้นแล้วแต่ว่าตัวเซลล์มะเร็งปอดอยู่ที่ตำแหน่งไหนในร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักจะมาด้วยอาการไอเรื้อรัง บางครั้งไอแบบมีเสมหะปนเลือด เหนื่อย หายใจไม่สะดวก นํ้าหนักลดมากในเวลาสั้น ๆ เป็นต้น ผู้ป่วยบางคนอาจจะมาด้วยอาการทางระบบประสาท ถ้าเซลล์มะเร็งปอดแพร่กระจายไปอยู่ที่สมองหรือไขกระดูกสันหลัง เช่น อาการแขนขาอ่อนแรง ชา กลั้นปัสสาวะ อุจจาระไม่ได้ หรือบางคนมีอาการปวดกระดูกมาก ถ้าเซลล์มะเร็งปอดนั้นแพร่กระจายไปอยู่ที่กระดูก เป็นต้น

การรักษามะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกนั้น การรักษาหลัก คือ การผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดก็ก้าวหน้ามากกว่าในอดีตมาก

ส่วนการรักษามะเร็งปอดระยะลุกลามนั้น ในอดีตที่ผ่านมาการรักษาหลัก คือ การให้ยาเคมีบำบัดฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำเหมือนเวลาให้นํ้าเกลือ ซึ่งในอดีตมียาเคมีบำบัดอยู่ไม่กี่ชนิดที่เราสามารถใช้ได้ในการรักษามะเร็งปอด และมีผลข้างเคียง ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวการให้ยาเคมีบำบัดมาก

ปัจจุบันมียาเคมีบำบัดกลุ่มใหม่ ๆ หลายชนิด ซึ่งผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดกลุ่มเก่ามาก แต่ยาเคมีในกลุ่มเก่าบางชนิดก็ยังคงต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วย และในปัจจุบันก็มีการพัฒนายากลุ่มใหม่ ๆ ที่ได้ผลดีมากในการรักษาอาการข้างเคียงจากเคมีบำบัด ดังนั้น สิ่งที่หมอจะบอกและขอยืนยัน คือ “ยาเคมีบำบัดในการรักษามะเร็งปอด ไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิด” จริง ๆ

ในปัจจุบันมียาต้านมะเร็งกลุ่มใหม่ ๆ ที่ใช้ได้ผลดีในมะเร็งกลุ่มที่เป็น adenocarcinoma โดยการรักษาแบบนี้ทางการแพทย์เรียกว่า “การรักษาแบบตรงจุด” หรือ “การรักษาแบบมุ่งเป้า” (targeted therapy)

ต้องขออธิบายว่า ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์และหมอมะเร็งค้นพบว่ามะเร็งปอดเกิดจากหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยเหล่านั้นคือ ผู้ป่วยบางรายมีลักษณะทางพันธุกรรมหรือยีนในร่างกายเกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ในครอบครัว

ยีนที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งปอดนั้น ขณะนี้มีหลัก ๆ อยู่ 2 ชนิดคือ การกลายพันธุ์ของ epidermal growthfactor receptor (EGFR) ซึ่งในคนผิวขาวพบได้ 10-20% แต่ในคนเอเชียพบได้ถึง 50-70% โดยพบมากในคนที่ไม่สูบบุหรี่หรือเลิกสูบบุหรี่มานานกว่า 10 ปี

ความผิดปกติอีกชนิดหนึ่ง คือ การสลับที่และรวมกันของยีน echinoderm microtubule-associated protein-like 4 fused with the anaplastic lymphoma kinase (EML4-ALK fusion gene) พบได้ประมาณ 5-7% และส่วนมากพบในผู้ป่วยที่ไม่สูบบุหรี่ ส่วนผู้ป่วยมะเร็งปอดที่สูบบุหรี่มักจะไม่พบความผิดปกติของยีน 2 ชนิดนี้ ทำให้ไม่สามารถใช้ยาต้านเฉพาะจุดได้

ปัจจุบันเราสามารถตรวจความผิดปกติของยีนทั้ง 2 ชนิดนี้ได้จากชิ้นเนื้อที่ผ่าตัดหรือเจาะออกมาตรวจ และมียาที่ใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งปอดแบบจำเพาะกับผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของยีน 2 ชนิดนี้ โดยเป็นยารับประทาน ซึ่งผลการตอบสนองต่อยาต้านมะเร็งทั้ง 2 กลุ่มนี้ดีมากถึง 60-70% และทำให้ระยะเวลาการรอดชีวิตสูงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการใช้ยาเคมีบำบัด

ผลข้างเคียงของยาก็ต่างจากยาเคมีบำบัดที่ให้ทางเส้นเลือดดำ คือ ยากลุ่มนี้อาจจะทำให้เกิดผื่น ผิวแห้ง สิว ท้องเสีย การเจริญอาหารลดลงหรืออาการผิดปกติอื่น ๆ ในระบบทางเดินอาหารหรือระบบอื่น ๆ แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยสามารถรับยาและทนยากลุ่มนี้ได้ดี ผู้ป่วยบางรายมีการตอบสนองต่อยาดี ยาสามารถคุมมะเร็งปอดได้นานหลายปี แต่ก็มีผู้ป่วยบางรายเกิดการดื้อยาเมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการดื้อยาเกิดขึ้นก็สามารถเปลี่ยนมาใช้การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดได้

นอกจากนี้ ยังมียาอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็น targeted drug เหมือนกัน แต่ช่วยยับยั้งการสร้างเส้นเลือดในก้อนเนื้อมะเร็ง ซึ่งยากลุ่มนี้เป็นยาฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำ และจะใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด

ในขณะนี้นักวิทยาศาสตร์และหมอมะเร็งทั่วโลกกำลังศึกษาวิจัยถึงกลไกการดื้อยา และคิดค้นยาใหม่ ๆ เพื่อใช้เมื่อผู้ป่วยเกิดการดื้อยา รวมถึงค้นพบยีนกลายพันธุ์ชนิดต่าง ๆ ในมะเร็งปอด ในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะมียากลุ่มใหม่อีกหลายกลุ่มที่สามารถใช้รักษามะเร็งปอดได้อย่างแน่นอน

ดังนั้น มะเร็งปอดไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิดจริง ๆ กล่าวโดยสรุป คือ การรักษาหลักของมะเร็งปอดระยะลุกลาม ยังคงเป็นการให้ยาเคมีบำบัด ส่วนยาต้านมะเร็งแบบตรงจุดควรให้เฉพาะผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของยีนเท่านั้น

หมายเหตุ : รศ.พญ.ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา สาขาวิชามะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล