สุขภาพดีกับรามาฯ พญ.อัญชนา ทองแย้ม
นอนกรนเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก ในต่างประเทศพบความชุกของการนอนกรนเป็นประจำร้อยละ 2.4-17.1 และความชุกของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็กร้อยละ 1.2-5.7 ส่วนในเด็กไทยพบความชุกของอาการนอนกรนเป็นประจำร้อยละ 6.9-8.5 และภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็กร้อยละ 0.7-1.3
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น คือ ภาวะที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนต้น ที่เกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ ในขณะนอนหลับ ทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจนในเลือด และเกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด ซึ่งมีผลทำให้คุณภาพของการนอนหลับลดลง
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค. 2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
ประวัติและการตรวจร่างกายที่พบ
ประวัติที่พบในภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก ได้แก่ นอนกรนบ่อยมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์ หายใจแรงกว่าปกติในขณะนอนหลับ มีหยุดหายใจแล้วตามด้วยเสียงหายใจดังเฮือก ปัสสาวะรดที่นอน นอนในท่านั่งหลับหรือแหงนคอขึ้น ริมฝีปากเขียว ปวดศีรษะตอนตื่นนอนผล็อยหลับ หรือง่วงเวลากลางวัน มีปัญหาการเรียนและพฤติกรรม เช่น ซุกซนผิดปกติ หรือสมาธิสั้น ก้าวร้าว
ลักษณธอาการที่พบในการตรวจร่างกายเด็กที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก ได้แก่ น้ำหนักน้อย หรืออ้วนกว่าเกณฑ์ ต่อมทอนซิลโต คางเล็กหรือร่นหลัง เพดานปากโค้งสูงหรือโหว่ การเจริญเติบโตช้ากว่าเกณฑ์ ความดันโลหิตสูง อาการแสดงหัวใจด้านขวาล้มเหลว
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นในเด็ก หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้หลายระบบ ได้แก่
1.ระบบประสาทและพฤติกรรม โดยแบ่งความผิดปกติเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มพฤติกรรมผิดปกติซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงออกเป็นการซนมากผิดปกติ บางครั้งมีปัญหาเรื่องความตั้งใจในการทำงานจนเข้าข่ายโรค ซน สมาธิสั้น หรืออาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือหลับมากผิดปกติในช่วงกลางวัน
2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่ การควบคุมความดันโลหิตผิดปกติ ความดันโลหิตสูง หัวใจห้องซ้ายหนาตัวขึ้น และหากอาการรุนแรงมีภาวะพร่องออกซิเจนในเลือดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีความดันเลือดในปอดสูง หัวใจห้องขวาทำงานผิดปกติ และหัวใจวายในที่สุด
3.ระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ปัญหาโรคอ้วน การสะสมไขมันที่ผิดปกติ เป็นต้น
หมายเหตุ : พญ.อัญชนา ทองแย้ม อาจารย์พิเศษประจำศูนย์โรคการนอนหลับ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล