สุขภาพดีกับรามาฯ รศ. นพ.ภฤศ หาญอุตสาหะ
“หวานจนขึ้นตา” คำนี้หลายคนอาจเคยได้ยิน หรือพูดกันเล่น ๆ เมื่อดื่มน้ำหวานหรือกินขนมที่หวานมาก ๆ แต่รู้ไหมว่าภาวะเบาหวานขึ้นจอตามีอยู่จริง เป็นภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
หากเป็นหนักจะส่งผลให้หลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งเส้นเลือดฝอยที่บริเวณจอประสาทตาด้วย ร้อยละ 2 ของผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะสูญเสียดวงตาในภาวะแทรกซ้อนนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
แต่ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย หากเป็นถึงขั้นที่ 3 แล้วคงไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และอาจจะตาบอดไปตลอดชีวิต
“ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา” เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ เป็นโรคยอดฮิตของผู้สูงอายุ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฝอยเสื่อมทั่วร่างกาย รวมทั้งหลอดเลือดที่จอตาด้วย
ทำให้เลือดและสารต่าง ๆ รั่วซึมออกมา ทำให้เส้นเลือดตรงจอประสาทตาได้รับความเสียหาย หากปล่อยไว้ไม่รักษาจะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้
อาการของภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
– ระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ
– มีจุดเลือดออกในตา ทำให้การมองเห็นพร่าเบลอ
– มีไขมันรั่วในจอตา ทำให้จอประสาทตาบวม
– เลือดออกในน้ำวุ้นตา
– จอประสาทหลุดลอก
การป้องกัน
– ไม่กินอาหารที่มีแป้งและไขมันมากเกินไป
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
– ควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ (ระหว่าง 70-100 mg/dL)
การรักษา
– หากผู้ป่วยเป็นในระยะแรก แพทย์จะให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ
– ใช้แสงเลเซอร์ ใช้ในระยะที่เลือดออกในตายังไม่มาก
– ฉีดยาเข้าไปในดวงตา ในกรณีผู้ป่วยจอประสาทตาบวม เพื่อลดการบวมของจอประสาทตา
– การผ่าตัด ในกรณีผู้ป่วยมีเลือดเต็มจอประสาทตา หรือจอประสาทตาหลุดลอก
หมายเหตุ : รศ. นพ.ภฤศ หาญอุตสาหะ สาขาวิชาน้ำวุ้นตาและจอประสาทตา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล