ท่องเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยช่วงเปิดประเทศ

สุขภาพดีกับรามาฯ
อ.พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด

 

จากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นร่วมกับในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย มีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบไปแล้ว มีภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจนสามารถติดเชื้อใหม่ และบางรายติดเชื้อแบบไม่มีอาการหรืออาการแสดง ทำให้แพร่เชื้อได้ง่าย

รวมทั้งหลายพื้นที่มีมาตรการผ่อนคลาย เช่น มีการเปิดประเทศ และบางแห่งมีการให้งดการสวมหน้ากากอนามัยในกลุ่มที่ได้วัคซีนครบแล้ว ทำให้บางครั้งมีการรวมตัวกันจากหลายครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนที่อาจเกิดการแพร่เชื้อได้

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้มีการท่องเที่ยวได้นั้น นอกจากช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างรายได้แล้ว ยังเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจของผู้ที่ไปท่องเที่ยวจากความเครียดในการกักตัว การทำงานที่บ้าน และภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์โควิด-19 ดังนั้น เราจะท่องเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัย มาดูกันค่ะ

ก่อนเดินทาง ต้องเตรียมอะไรบ้าง

1.หน้ากากอนามัย เนื่องจากในสถานที่ส่วนใหญ่ยังมีกฎเกณฑ์ให้ใส่อยู่ ต้องเอาไปเผื่ออย่างน้อย 1-2 ชิ้น เนื่องจากอาจมีการเลอะหรือเปียกเหงื่อ โดยเฉพาะเวลาไปท่องเที่ยวสถานที่ที่มีอากาศร้อนหรือมีกิจกรรมต้องออกกำลังจนเหงื่อออก

2.เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ รวมทั้งทิสชู หรือทิสชูเปียก อย่าลืมล้างมือหลังสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ขณะท่องเที่ยว เช่น จุดถ่ายรูปต่าง ๆ ที่อาจมีคนไปสัมผัสเยอะ รวมทั้งเวลารับประทานอาหารควรทำความสะอาดพื้นผิวโต๊ะด้วยแอลกอฮอล์ และเช็ดด้วยทิสชูหรือทิสชูเปียก ก่อนที่จะถอดหน้ากากอนามัย และเริ่มรับประทานอาหาร รวมทั้งล้างมือหลังรับประทานเสร็จ

3.ควรเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่แออัดจนเกินไป หากเป็นไปได้ควรเที่ยวที่โปร่งโล่ง ระบายอากาศได้ดี และมีการจำกัดคนเที่ยวไม่ให้เกินการรักษาระยะห่าง 1-1.5 เมตร และมีการคัดกรองทางเข้าออกด้วยวิธีการต่าง ๆ และให้พนักงานได้รับวัคซีนครบตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ

4.ตรวจสอบว่าในบริเวณที่เราไปท่องเที่ยวนั้นมีสถานพยาบาลใกล้เคียงหรือไม่

5.หากเดินทางไกลมากกว่า 1 สัปดาห์ อาจพกชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK ไปด้วย หากมีอาการผิดปกติสามารถตรวจคัดกรองก่อน และไปตรวจยืนยันที่สถานพยาบาลต่อไป

6.อย่าลืมนำเอกสารการฉีดวัคซีน สมุดจดโรคประจำตัว กลุ่มเลือด การแพ้ยา รวมทั้งชื่อยาที่รับประทานเป็นประจำ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ หากมีแพทย์ประจำตัวควรบันทึกรายละเอียดวิธีการติดต่อไว้ด้วย

7.พกยาประจำตัวไว้ให้มากพอในระยะเวลาการเดินทาง และเตรียมเผื่อไว้อีก 14 วัน โดยเฉพาะหากเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศแล้วเกิดติดเชื้อโควิด-19 ทางสถานพยาบาลที่ดูแลอาจต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์

ขณะเดินทาง ต้องทำอย่างไรบ้าง

1.ทำความสะอาดมือบ่อย ๆ

2.หากเดินทางด้วยเครื่องบิน เรือ รถบัส หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะ อย่าลืมทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณที่นั่ง ที่วางอาหาร ที่นั่งรับประทาน รวมทั้งการเข้าห้องน้ำ พยายามสวมหน้ากากอนามัยให้มากที่สุด

3.พยายามหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยภาชนะเดียวกัน ไม่สูบบุหรี่ (รวมทั้งบุหรี่ไฟฟ้า) มวนเดียวกัน

4.บันทึกว่าเดินทางไปที่ใดบ้างในแต่ละช่วงเวลา หากมีประกาศว่าบริเวณเหล่านั้นมีการระบาดรุนแรงในภายหลัง จะได้ไปตรวจเพิ่มเติมได้

หลังกลับมาจากการท่องเที่ยว ต้องทำอย่างไรบ้าง

1.หากเป็นไปได้ควรเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำสระผมให้สะอาด ก่อนนั่งบนโซฟา หรือที่นอน ในขณะที่เราพักผ่อนและไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการลดการนำเชื้อเข้าบ้าน

2.ควรทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ไม่นำมาใช้ซ้ำ หรือวางบนพื้นผิวต่าง ๆ ที่ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวกับเราอาจไปสัมผัสมาได้

3.สังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ หากมีอาการผิดปกติที่เข้ากับลักษณะของโควิด-19 หรือไปสัมผัสเสี่ยงสูง ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์โดยเร็ว

นอกจากนี้ อย่าลืมว่าวัคซีนป้องกันโรคขณะเดินทาง ไม่ใช่มีเฉพาะวัคซีนป้องกันโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังมีวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ที่ควรทราบไว้หากต้องเดินทางไปท่องเที่ยวด้วย เช่น

1.วัคซีนเฉพาะในแต่ละภูมิภาคหรือประเทศที่เดินทางไป เช่น วัคซีนป้องกันไข้เหลืองในทวีปแอฟริกาและทวีปอเมริกาใต้ วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบเอ และบี ในประเทศแถบเอเชียใต้ เป็นต้น

2.วัคซีนที่จำเป็นต้องฉีดเป็นประจำหรือต้องฉีดตามวัยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบนิวโมคอคคัส เป็นต้น

3.วัคซีนเฉพาะในกลุ่มที่ต้องพักในที่เฉพาะบางแห่ง เช่น ผู้ที่ท่องเที่ยวไปแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมในหอพักนักศึกษา หรือค่ายทหารในบางประเทศ จะมีคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ

สุดท้ายก็ขอให้เดินทางท่องเที่ยวกันอย่างปลอดภัย และมีความสุขกันทุกคนค่ะ

หมายเหตุ : อ.พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล