ก้าวผ่านตุลาอาลัย

คอลัมน์ CSR Talk

โดย มนตรี บุญจรัส บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด

แล้วก็มาถึงเดือนที่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่อยากจะให้ถึง นั่นคือ “ตุลาอาลัย” เดือนแห่งความโศกเศร้าครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทยทั้งประเทศอันหาที่เปรียบมิได้ และเป็นเดือนครบรอบ 1 ปี แห่งการสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ โดยจะมีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 นี้ ซึ่งก็อดใจหายไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากจะให้ถึงวันนั้น และเชื่ออย่างยิ่งว่าคนไทยทุกคนคงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน

“ผล” แห่งประการทั้งปวง ล้วนมาจาก “เหตุ”

ความดีที่พระองค์ท่านทรงมีความเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทยตลอดมา นับแต่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ และมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” จึงทำให้พระองค์ท่านเป็นที่รักใคร่ของปวงประชาชนนับแต่นั้น

พระองค์ท่านทรงสร้างคุณูปการเยอะแยะมากมายแก่ประเทศชาติ และพสกนิกรจนมิอาจจะเขียนกล่าวในที่นี้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “แกล้งดิน” โดยการแปรสภาพดินเปรี้ยวจัดให้สามารถเพาะปลูกได้ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช การบริหารจัดการน้ำในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งเขื่อน ฝาย ฯลฯ อย่างเช่น เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

โครงการแก้มลิงต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้กรุงเทพฯ นครนายก พ้นจากภัยน้ำท่วมมาหลายครั้งหลายครา ก็ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน

รวมถึงโครงการฝนหลวงที่แก้ปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรทั่วประเทศ โครงการชั่งหัวมันที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเป็นต้นแบบให้พี่น้องในพื้นที่ และใกล้เคียงสามารถใช้วิชาชีพเกษตรที่หลากหลาย มาเป็นแนวทางในการดำรงชีวิต โดยเน้นพึ่งพิงอิงอาศัยตนเอง ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย

สิ่งที่พวกเราชาวไทยทุกคนจะก้าวผ่านความโศกเศร้าครั้งนี้ และเปรียบดังพระองค์ท่านยังอยู่กับเราตลอดไป ก็น่าจะมีวิธีอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือการทำให้พระองค์ท่านภูมิใจในตัวเราทุกคน โดยการน้อมนำทำตามที่พระองค์ท่านทรงสอนสั่ง และวางแบบแผนเอาไว้

โดยเฉพาะเรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรพอเพียง ที่พวกเราสามารถน้อมนำไปใช้กันได้จริงทุกคน ไม่ว่าจะ “รวย” หรือ “จน” ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยเริ่มต้นจากเกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นที่หนึ่ง คือ การทำให้ตนเอง “พออยู่พอกิน” สามารถช่วยเหลือแบ่งปันแลกเปลี่ยนกันได้ก่อน

อาจเริ่มจากการแบ่งพื้นที่เพียง 1 ไร่ ออกเป็น 4 ส่วน คือ 30 : 30 : 30 : 10 เพื่อทำสระน้ำ ปลูกข้าว ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น และที่อยู่อาศัย ทำแบบนี้ไปจนกว่าจะเข้าใจ แล้วจึงค่อย ๆ เริ่มไปสู่เกษตรทฤษฎีใหม่ขั้น

ที่ 2 คือ การทำให้ตนเองก้าวไปสู่การ “พอมีอันจะกิน” โดยการรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์เพื่อให้เกษตรกรมีพลัง มีอำนาจการต่อรอง จนไปสู่เกษตรทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 3 คือ ต้องรู้จักติดต่อประสานงานกับแหล่งเงินทุน ธนาคาร ภาคเอกชน เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพสินค้า คุณภาพชีวิต เพื่อให้ทุกคนสามารถดำรงชีวิตร่วมกันได้อย่างยั่งยืน และดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

เพียงเท่านี้ก็เชื่อว่า “ในหลวงรัชกาลที่ ๙” พระองค์ท่านจะมีความสุข และคอยดูแลปกป้องคุ้มครองพวกเราให้มีความสุขตลอดไป