อาลัยน้อมส่งเสด็จพระราชาแห่งแผ่นดิน

ทั่วโลกนับล้านดวงใจน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย พสกนิกรเหนือ-อีสาน-กลาง-ใต้ ฝ่าแดดฝนร่วมพระราชพิธีวางดอกไม้จันทน์เนืองแน่น 10 ชาติอาเซียนลดธงครึ่งเสา “กษัตริย์จิกมี-ราชวงศ์สวีเดน” ถวายพระเกียรติยศสูงสุด สื่อต่างชาติเกาะติดประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ สดุดี เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่ง

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2560 รวมทั้งพิธีเก็บพระบรมอัฐิ และพระบรมราชสรีรางคาร เมื่อ 27 ต.ค. จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยทั่วโลก 1.1 แสนคนร่วมพระราชพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ก่อนถึงวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง ร.9 มีประชาชนเข้าจับจองพื้นที่ชั้นในหวังได้ชมริ้วขบวนล่วงหน้า โดยเริ่มต่อคิวรอตั้งแต่คืนวันที่ 23 ต.ค. 2560 ก่อนเจ้าหน้าที่จะเปิดจุดคัดกรองทั้ง 9 จุด เวลา 05.00 น. วันที่ 25 ต.ค.เวลา 12.00 น. จึงได้เปิดพื้นที่ริมกำแพงพระบรมมหาราชวังรองรับประชาชนได้อีก 60,000 คน รวมกับจำนวนเดิมที่กำหนดไว้ 50,000 คน เป็น 110,000 คน ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้เข้าพื้นที่ชั้นในแล้วนั่งประจำพื้นที่โดยไม่หวั่นทั้งแดดและฝน โดยมีจิตอาสาคอยให้บริการ ส่วนวันที่ 26 ต.ค. ขณะที่ริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศยาตราจากพระบรมมหาราชวังสู่ท้องสนามหลวง แม้จะโศกเศร้า แต่คนส่วนใหญ่ปลื้มปิติที่ได้ชมริ้วขบวนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ร่ำไห้ควันเหนือพระเมรุมาศ

ช่วงค่ำที่คณะสงฆ์ประกอบพิธีธรรมในพระที่นั่งทรงธรรม และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ ประชาชนบริเวณสนามหลวงและพื้นที่โดยรอบเฝ้าชมพระราชพิธีอย่างใจจดจ่อ เวลา 20.45 น. การแสดงมหรสพบนเวทีด้านทิศเหนือของท้องสนามหลวงได้เริ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังใจจดจ่อกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ (จริง) ซึ่งกำหนดไว้เวลา 22.00 น.

ต่อมา 22.00 น. ประชาชนต่างพากันหันหน้าสู่เบื้องหน้าพระเมรุมาศ เพื่อถวายความเคารพพระบรมศพ พร้อมกับที่ประชาชนทุกพื้นที่ประเทศ ทันทีที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจขึ้นข้อความให้ประชาชนทุกคนหันหน้าเบื้องหน้าพระเมรุมาศ

เวลา 22.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯมาถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง การแสดงทุกเวทีหยุดลง ทุกคนพากันนิ่งเงียบ กระทั่ง 23.15 น. เริ่มเห็นควันสีขาวพวยพุ่งออกจากพระเมรุมาศลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ประชาชนทั่วทั้งบริเวณหลั่งน้ำตาแห่งความรักและอาลัย ขณะที่บางส่วนที่อยู่ภายนอกยังต่อแถวเพื่อจะเข้าพื้นที่รอชมพิธีเก็บพระบรมอัฐิ พระบรมราชสรีรางคาร และชมริ้วขบวนเช้าวันที่ 27 ต.ค.

พสกนิกรไทยแสดงความอาลัย

ส่วนบรรยากาศช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้จัดขึ้นโดยได้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง 85 แห่ง และซุ้มวางดอกไม้จันทน์ 743 แห่งทั่วประเทศ ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยคลื่นมหาชนแต่งกายในชุดสีดำออกจากบ้านมาร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์

เชียงใหม่รองรับ 1 แสนคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.เชียงใหม่พิธีเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า มีประชาชนและจิตอาสาเดินทางมาร่วมงานตั้งแต่เวลา 07.00 น. ราว 50,000 คน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งรองรับประชาชนได้ 1 แสนคน จากอำเภอรอบนอก 24 อำเภอ

นายแพทย์ธรณี กายี ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภายในงานจะมีจุดบริการหน่วยพยาบาล 18 จุด รถเข็นวีลแชร์ 5 จุด สำหรับบริการผู้ป่วย ผู้พิการ และผู้สูงอายุ มีเตียงรองรับทั้งหมด 60 เตียง ส่วนภาคสนามจะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดแต่ละจุด

คนอุดรทุกหมู่เหล่ารวมใจ

ที่ จ.อุดรธานี พิธีเริ่มขึ้นโดย นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำข้าราชการขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นเดียวกัน โดยผู้เข้าร่วมแสดงความอาลัยมีทั้งข้าราชการ ประชาชนทั่วไป นักบุญศาสนาคริสต์ อาทิ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจังหวัดอุดรธานี เป็นต้น

โดยมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ในหลวง ร.9 บริเวณด้านหน้าซุ้มนิทรรศการ ได้นำ “รถยนต์พระที่นั่ง” BMW 3.0 S สีเหลืองทอง หมายเลขทะเบียน อด 7777 เมื่อครั้งในหลวง ร.9 เสด็จพระราชดำเนินมาทรงงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มาจัดแสดง จัดซุ้มดอกดาวเรืองรูปเลข ๙ กังหันชัยพัฒนา และนิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ

REUTERS/Athit Perawongmetha

เมืองคอน-ภูเก็ตลุยฝ่าสายฝน

ที่ จ.นครศรีธรรมราช หลังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายดอกไม้จันทน์ หน้าพระเมรุมาศจำลอง สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 09.00 น. ช่วงเวลา 11.00-11.30 น. เกิดฝนตกอย่างหนัก แต่ประชาชนที่เข้าแถวรอกลางสายฝน โดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยดูแลและอำนวยความสะดวก

ส่วน จ.ภูเก็ต พสกนิกรชาวภูเก็ตต่างพร้อมใจเดินทางเข้าสู่พระเมรุมาศจำลอง ณ เวทีกลางสะพานหินอย่างเนืองแน่นกว่า 6 หมื่นคน โดยเฉพาะบริเวณถนนเลียบคลองบางใหญ่ ต่างเดินเท้าทยอยเข้าสู่เวทีกลางสะพานหิน ระยะทางยาว 2 กม.

10 ชาติอาเซียนลดธงครึ่งเสา

ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ สถานทูตไทยประจำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้จัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ในช่วงเวลาเดียวกับประเทศไทย โดยคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน สำนักงานใหญ่จาการ์ตา แจ้งว่า สำนักเลขาธิการอาเซียนได้ลดธงอาเซียนลงครึ่งเสา ณ ที่ทำการ และสถาบันอาเซียนอื่น ๆ ณ กรุงจาการ์ตา ระหว่าง 25-27 ต.ค. 2560 ขณะที่พระประมุข และผู้นำรวม 42 ประเทศ ได้เดินทางมาร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ทางการภูฏานทำบุญถวาย

ในวันเดียวกัน ประมุขแห่งประเทศภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดพิธีสวดมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีสมเด็จพระสังฆราชแห่งภูฏาน ทรงเป็นประธานในพิธีสวดมนต์

นอกจากนี้ ภูฏาน แอร์ไลน์ ได้เปลี่ยนชุดพนักงานต้อนรับของสายการบินเป็นสีขาว-ดำ เพื่อแสดงความไว้อาลัยแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยพนักงานต้อนรับหญิงใส่ชุดที่คล้ายชุดประจำชาติสีดำ กลัดเข็มกลัดรูปในหลวง ร.9 เพื่อแสดงความไว้อาลัย

REUTERS

สวีเดนอัญเชิญพระราชลัญจกร

ด้านประเทศฝั่งตะวันตก ทางการสวีเดนได้จัดพิธีอัญเชิญพระราชลัญจกร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระบรมมหาราชวังในกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ไปประดิษฐานที่โบสถ์รีดดาร์โฮล์ม สถานที่ฝังพระบรมศพราชวงศ์สวีเดนหลายพระองค์ ในฐานะที่ทรงได้รับการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม อันเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขั้นสูงสุดเมื่อปี พ.ศ. 2493

โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักพระราชวังสวีเดน เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงสตอกโฮล์ม และชุมชนชาวไทยในสวีเดนเข้าร่วมจำนวนมาก และตลอด 1 ชั่วโมงที่ประกอบพิธี เจ้าหน้าที่ประจำโบสถ์รีดดาร์โฮล์มได้ลั่นระฆังต่อเนื่อง ถือเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่ในหลวง ร.9

สื่อทั่วโลกรายงานข่าว

ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศทั่วโลกต่างเกาะติดและรายงานสถานการณ์พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นถึงความจงรักภักดีของคนไทยต่อรัชกาลที่ 9 และสถาบันพระมหากษัตริย์โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นจากสหรัฐรายงานว่า วันที่ 26 ต.ค.ได้เกิดภาพทะเลสีดำขึ้นใน กทม. ประชาชนคนไทยเดินทางเข้าไปให้ใกล้สนามหลวงที่สุด เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ส่งเสด็จพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย โดยซีเอ็นเอ็น ยกย่องว่า ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่ง”

สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับพระราชพิธี การแห่ริ้วขบวน โดย “โจนาธาน เฮด” นักข่าวบีบีซี ประจำกรุงเทพฯ ระบุว่า คนไทยจำนวนมากเดินทางมาส่งเสด็จพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก แม้บางช่วงบรรยากาศจะซึมเศร้ามาก ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์สของอังกฤษ เอเอฟพีของฝรั่งเศส รวมถึงสำนักข่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

หมายกำหนดการ พระราชพิธีประวัติศาสตร์

หมายกําหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ตุลาคม พุทธศักราช 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กําหนดการพระราชพิธีบําเพ็ญพระราชกุศล ออกพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ดังรายการต่อไปนี้

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พระราชกุศลออกพระเมรุเจ้าพนักงานพระราชพิธีตั้ง แต่งที่ประดิษฐานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาประสาทในพระบรมมหาราชวัง สําหรับการพระราชพิธีทรงบําเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุไว้พร้อม

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พุทธศักราช 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดําเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ประตูพิมานไชยศรี ผ่านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

เวลา 15 นาฬิกา เสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศพระบรมศพถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจําพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร แล้วทรงประเคนพัดรองที่ระลึกงานออกพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา จํานวน 11 รูป และพระราชาคณะที่จะสวดศราทธพรต 30 รูป พระสงฆ์ที่จะสดับปกรณ์ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระสงฆ์ที่จะสวดพระอภิธรรม 8 รูป บรรพชิตจีนและญวน 20 รูป แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสําหรับพระบรมศพทรงธรรม พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 แล้ว พระสงฆ์ 30 รูปสวดศราทธพรต จบ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตรถวายพระราชาคณะที่ถวายพระธรรมเทศนาและพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรต 30 รูป สดับปกรณ์พระสงฆ์ทั้งนั้นถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ 89 รูปเท่าพระชนมพรรษาขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบ

ทรงทอดผ้าไตรและย่ามที่ระลึกงานออกพระเมรุ ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระสงฆ์ 89 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา แล้วบรรพชิตจีน 10 รูป และบรรพชิตญวน 10 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ สวดมาติกา จบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรและย่ามที่ระลึกงานออกพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บรรพชิตจีนและญวนสดับปกรณ์ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่แท่นเตียงพระสวดพระอภิธรรม พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม จนถึงเวลา 21 นาฬิกา รุ่งขึ้นรับพระราชทานฉัน และชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ ประจํายามตามราชประเพณี เสด็จพระราชดําเนินกลับ

ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี อัญเชิญพระบรมโกศโดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม อัญเชิญพระบรมโกศออกพระเมรุมาศเวลา 07.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จฯในการพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ

ในขั้นตอนพิธีอัญเชิญพระบรมโกศโดยริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศจากพระบรมมหาราชวังไปยังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ในการพิธีอัญเชิญพระบรมโกศไปพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าฯ รอรับเสด็จและร่วมพระราชพิธี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมศพ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ทรงทอดผ้าไตร ก่อนอัญเชิญพระบรมโกศ พระราชาคณะ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลื้องพระโกศทองใหญ่เชิญพระลองลงจากพระแท่นสุวรรณเบญจดลไปประดิษฐานที่พระยานมาศสามลำคาน ที่ประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จตามไปส่งที่ชาลาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขเหนือ อัญเชิญพระบรมโกศด้วยพระยานมาศสามลำคานออกจากพระบรมมหาราชวัง ถวายนพปฎลมหาเศวตฉัตรคันดาลกางกั้น แล้วยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศไปยังพระมหาพิชัยราชรถ หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศด้วย

เมื่อขบวนพระบรมราชอิสริยยศถึงยังพระมหาพิชัยราชรถหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปยังพลับพลายกหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงทอดผ้าไตร 20 ไตร ที่ท้ายเกรินบันไดนาคพระมหาพิชัยราชรถ

พระสงฆ์สดับปกรณ์เที่ยวละ 5 รูป อัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ ยาตราขบวนแห่อัญเชิญพระบรมโกศไปยังพระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชดำเนินและทรงพระดำเนินตาม

เมื่อริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศแห่อัญเชิญพระบรมโกศเข้าสู่ท้องสนามหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับรอที่พลับพลายก นอกราชวัติพระเมรุมาศ เมื่อเทียบพระมหาพิชัยราชรถ อัญเชิญพระบรมโกศลงจากพระมหาพิชัยราชรถ โดยเกรินบันไดนาค ประดิษฐานพระบรมโกศบนราชรถปืนใหญ่ เพื่อตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศสำหรับเวียนพระเมรุมาศ เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จตามพระบรมโกศเวียนพระเมรุมาศโดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ครบ 3 รอบแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จไปประทับ ณ พระที่นั่งทรงธรรม เทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ อัญเชิญพระบรมโกศขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ปิดพระฉากและพระวิสูตร ประกอบพระโกศจันทน์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เปิดพระฉากพระวิสูตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ เสด็จลงจากพระเมรุมาศ เสด็จขึ้นผ่านพระที่นั่งทรงธรรมไปประทับรถยนต์พระที่นั่งหลังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จพระราชดำเนินกลับ

เวลา 16.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มายังพระที่นั่งทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับพระบรมศพทรงธรรมที่พระเมรุมาศ สมเด็จพระสังฆราชถวายพระธรรมเทศนา จบ พระราชาคณะ 50 รูป สวดศราทธพรตถวายไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ และทรงทอดผ้าไตร ถวายพระเทศน์ และพระสงฆ์ที่สวดศราทธพรตสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จไปประทับที่มุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม ผู้แทนจิตอาสาเชิญดอกไม้จันทน์ 9 พาน ผ่านพระที่นั่งทรงธรรม ถวายความเคารพแล้วเดินออกจากมณฑลพิธี

เวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพ ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตรงอน แตรฝรั่ง ปี่ กลองชนะ และปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ เป่าแตรนอน และยิงปืนเล็กยาว 9 นัด พร้อมกับทหารปืนใหญ่ยิงปืนใหญ่ถวายพระเกียรติ 21 นัด เสด็จไปประทับมุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม จากนั้นพระราชทานพระราชานุญาตให้สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะ พระบรมวงศานุวงศ์ พระประมุข ประมุข พระราชวงศ์ ผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ ฯลฯ ขึ้นถวายพระเพลิงพระบรมศพตามลำดับ

หลังจากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพระประมุข ประมุข พระราชวงศ์ และผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

เวลา 20.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มายังพระที่นั่งทรงธรรม พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูปสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จขึ้นพระเมรุมาศ ปิดพระฉาก ปิดพระวิสูตร เพื่อเตรียมการถวายพระเพลิงพระบรมศพ

เวลา 22.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับมุขหน้าพระที่นั่งทรงธรรม เจ้าพนักงานปฏิบัติการถวายพระเพลิงพระบรมศพเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตรที่พระจิตกาธาน พระสงฆ์ 10 รูปสดับปกรณ์ เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม เก็บพระบรมอัฐิ เวลา 08.00 น. เจ้าพนักงานถวายภัตตาหารพระพิธีธรรมที่สวดพระอภิธรรมประจำช่าง เจ้าพนักงานภูษามาลาประมวลพระบรมอัฐิพระบรมราชสรีรางคารถวายผ้าเยียรบับคลุมไว้

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯมายังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จขึ้นพระเมรุมาศเจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าเยียรบับที่ถวายคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิถวายสรงพระบรมอัฐิด้วยน้ำพระสุคนธ์ทั่วแล้วเจ้าพนักงานภูษามาลาถวายผ้าเยียรบับคลุมพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำ หรับพระบรมอัฐิบูชาพระสงฆ์ ทรงทอดผ้าไตรถวายพระ 3 หาบพระสงฆ์ขึ้นสดับปกรณ์พระบรมอัฐิพระสงฆ์สดับปกรณ์ครบ 9 รูป แล้วเจ้าพนักงานภูษามาลาเปิดผ้าคลุมพระบรมอัฐิทรงเก็บพระบรมอัฐิสรงพระสุคนธ์แล้วประมวลลงในพระโกศทองคำลงยารวม 6 พระโกศ

พระราชทานพระโกศพระบรมอัฐิแก่พระบรมวงศ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศ พระบรมอัฐิลงจากพระเมรุมาศ ไปยังพระที่นั่งทรงธรรม เสด็จฯตามประทับที่หน้าอาสน์สงฆ์เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานในบุษบกเหนือพระแท่นแว่นฟ้าทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิแล้วทรงประเคนโตกสำรับภัตตาหาร 3 หาบ แด่พระสงฆ์ 9 รูป พระสงฆ์ 3 หาบรับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว เสด็จฯไปถวายเครื่องสังเค็ดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพแด่พระสงฆ์ 3 หาบและพระสงฆ์ 30 รูป พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่ง พระสงฆ์อีก 30 รูป ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์สวดมาติกาทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระที่นั่งตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิและพระบรมราชสรีรางคารเข้าไปยังพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยานและอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารประดิษฐานในบุษบกพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตามพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เข้าริ้วขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง ยาตราขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิพระบรมราชสรีรางคาร

ขบวนพระบรมราชสรีรางคารเกยเข้าวัดพระศรีรัตนศาสดารามทางประตูเกยหลังวัด อัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพักไว้ที่พระศรีรัตนเจดีย์

ขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิเข้าประตูพิมานไชยศรี เทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่พระนั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงรับที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาทเจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิจากพระที่นั่งราเชนทรยานขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประดิษฐานที่บุษบกแว่นฟ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯตาม เมื่อประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิเรียบร้อยแล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมอัฐิ เสด็จพระราชดำเนินกลับ

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พระราชกุศลพระบรมอัฐิเวลา 17.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการี แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระราชาคณะ 31 รูป สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์รับอนุโมทนา 4 รูป และพระสงฆ์สดับปกรณ์ 12 รูป แล้วพระสงฆ์ 30 รูป สวดพระพุทธมนต์ จบ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตรพระสงฆ์ที่สวดสดับปกรณ์พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย

สำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิพระบรมราชบุพการี และสำหรับพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิพระบรมราชบุพการี และสำหรับพระบรมอัฐิ พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนาภัณฑ์ ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา พระสงฆ์ 12 รูป สวดมาติกา จบ ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชบุพการีที่อัญเชิญออกประดิษฐานในการพระราชกุศลนี้ แล้วถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับ

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม เลี้ยงพระเวลา 10.30 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มายังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร พระสงฆ์ 30 รูป ที่สวดพระพุทธมนต์แต่วันก่อนถวายพรพระ ทรงประเคนภัตตาหาร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แล้วทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่งทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล พระราชาคณะถวายพระธรรมเทศนา จบ ถวายอนุโมทนา (บนธรรมาสน์) พระสงฆ์ 4 รูปรับอนุโมทนา ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ แล้วทรงทอดผ้าไตรถวายพระเทศน์และพระสงฆ์ที่รับอนุโมทนารวม 5 รูป สดับปกรณ์ ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง พระสงฆ์ 89 รูป เท่าพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์เป็นเที่ยว ๆ จบครบ 89 รูป (เที่ยวแรก 12 รูป สดับปกรณ์แล้ว ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เที่ยวต่อไปเที่ยวละ 11 รูป จำนวน 7 เที่ยว ขึ้นสดับปกรณ์แล้วลงจากพระที่นั่ง) อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เจ้าพนักงานเทียบพระที่นั่งราเชนทรยานที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ตั้งขบวนพระบรมราชอิสริยยศอัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จตามพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานที่พระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเรียบร้อยแล้ว เสด็จพระราชดำเนินกลับ

บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร

เวลา 17.30 น. บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร ขบวนกองทหารม้านำและตาม ตั้งขบวนพร้อมอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามโดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรีไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามโดยขบวนทหารม้านำ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรถยนต์พระที่นั่งทรงอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร กองทหารม้าตาม เจ้าพนักงานภูษามาลาอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากรถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ แล้วเสด็จไปยังพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรส พระประธาน พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 และพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูปสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรส ทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จฯ ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร โดยขบวนทหารม้านำและตาม อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารจากรถยนต์พระที่นั่งเข้าประตูวัดบวรนิเวศวิหารไปยังพระอุโบสถ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์ พระประธานพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระสงฆ์สวดมาติกา ทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์ 30 รูป สดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก แล้วทรงบรรจุพระบรมราชสรีรางคารที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์

ทรงวางพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ชาวพนักงานประโคมกระทั่งมโหระทึก สังข์ แตร กลองชนะ ทหารกองเกียรติยศบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เสด็จพระราชดำเนินกลับ

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม ออกทุกข์ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 หลังจากเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้ออกทุกข์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2560 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

ดังนี้

1. ขยายเวลาการไว้ทุกข์ของข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเดิมขยายจากวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2560 ไปจนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2560 อันเป็นวันเก็บพระบรมอัฐิ รวมเวลา 15 วัน เป็น ขยายไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560 รวม 17 วัน

2. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ สถานศึกษา และสถานที่ทำการของรัฐทั้งในและต่างประเทศ ลดธงครึ่งเสา จากเดิม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2560 ถึงวันศุกร์ที่

27 ตุลาคม 2560 รวมเวลา 15 วัน เป็นจนถึงวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560 รวม 17 วัน

3. ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จากเดิมออกทุกข์ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป เป็นออกทุกข์ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

4. ให้เริ่มเก็บผ้าระบาย ป้ายส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ตามสถานที่ต่าง ๆ จากเดิม ตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม 2560 เป็น ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2560

นอกจากนี้ ให้เป็นไปตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการ ราชสำนักออกทุกข์ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2560 ตามประกาศสำนักพระราชวัง เรื่อง กำหนดการออกทุกข์ของข้าราชการ ราชสำนัก

ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2560