ชมพระเมรุมาศไม่ห้ามเซลฟี่-ไลฟ์สด คาดเข้าชม 1 แสนคนต่อวัน เล็งขยายเวลาเปิดถึงเที่ยงคืน

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เดินทางตรวจเปิดรอบทดสอบการนำประชาชนเข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อทดสอบระบบคัดกรองการนำชมพระเมรุมาศและแต่ละอาคารประกอบภายในพระเมรุมาศ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมในวันที่ 2 พ.ย. โดยมีหน่วยงานราชการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปเข้าชมนิทรรศการรอบทดสอบเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลาเข้าชมในรอบทดสอบนี้ เจ้าหน้าที่จะคอยแนะนำสถานที่พร้อมแจกแผ่นพับพระเมรุมาศ พร้อมให้เข้าชมโดยอิสระ ทั้งนี้เมื่อแต่ละรอบได้ชมครบ 45 นาที จะมีเจ้าหน้าที่กดสัญญาแจ้ง เพื่อให้ผู้ชมรอบถัดไปได้เข้ามาอย่างเป็นระเบียบ

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวภายหลังทดสอบระบบการเข้าชมนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชานุญาตให้รัฐบาลจัดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย. ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในเวลา 07.00 น. ของวันที่ 2 พ.ย.นี้

ซึ่งจากการทดสอบระบบคัดกรอง การนำชมพระเมรุมาศและแต่ละอาคารภายในพระเมรุมาศ การอำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการและพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงทดสอบระบบทางลาดของผู้พิการ ในส่วนของการทดสอบการขึ้นชมพระเมรุมาศ จากเดิมที่กำหนดให้ขึ้นชาลาชั้นที่ 1 พบว่ามีประชาชนเข้าชมอย่างคับคั่ง ดังนั้น จึงทดลองเปิดให้ขึ้นชาลาชั้นที่ 2 เพื่อกระจายจำนวนคนพบว่ามีความเหมาะสม โดยจะใช้เป็นแนวทางการเข้าชมพระเมรุมาศต่อไป

“ตอนนี้ถือว่าพร้อมที่จะรองรับประชาชนที่จะเข้าชมนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ตั้งเวลา 07.00-22.00 น. รอบละ 5,500 คน และใช้เวลารอบละ 45 นาที เน้นการแต่งกายสุภาพให้เหมือนกับการเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ แต่ให้ถ่ายในกิริยาที่เหมาะสม รวมถึงการไลฟ์สดหากทำในกริยาที่เหมาะสมก็สามารถทำได้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมนิทรรศการประมาณวันละ 100,000 คน สำหรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการจะได้รับแจกแผ่นพับพระเมรุมาศ และโปสการ์ดที่ระลึกภาพพระเมรุมาศ 9 แบบด้วย ทั้งนี้ หากมีประชาชนมาเป็นจำนวนมาก อาจจะขยายให้เข้าชมได้ในเวลา 06.00-24.00 น.” รองนายกฯ กล่าว

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ประกอบด้วย นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม เนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แบ่งเป็น 5 ตอน ได้แก่ 1.เมื่อเสด็จอวตาร 2.รัชกาลที่ร่มเย็น 3.เพ็ญพระราชธรรม 4.นำพระราชไมตรี และ 5. พระจักรีนิวัตฟ้า และสามารถชมจิตรกรรมฝาผนังโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 3 ด้าน นิทรรศการการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศและการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ จัดแสดงภายในศาลาลูกขุน เนื้อหาแสดงถึงแนวคิดและขั้นตอนการทำงานทั้งงานสถาปัตยกรรม งานประติมากรรมและจิตรกรรมประดับพระเมรุมาศ งานประณีตศิลป์ในส่วนของพระโกศจันทน์ พระโกศทองคำ เครื่องสังเค็ดและการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ

ส่วนนิทรรศการสัมผัสสำหรับผู้พิการทางสายตา จากที่จัดแสดงบริเวณทับเกษตรได้ย้ายมายังฝั่งด้านหน้าแปลงนาข้าว เพื่ออำนวยความสะดวกผู้พิการไม่ต้องเดินทางไกล โดยจำลองพระเมรุมาศ ประติมากรรมประดับพระเมรุ อาทิ เทวดา สัตว์หิมพานต์ เป็นต้น เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาสามารถสัมผัสได้ โดยมีอาสาสมัครนำชมและจัดทำซีดีเสียงบรรยายนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน มีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม โทร.1765 หรือเว็บไซต์ www.m-culture.go.th

พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า พระเมรุมาศเป็นสถานที่ที่คนไทยทั้งประเทศร่วมมือร่วมใจกันสร้างขึ้น เพื่อส่งเสด็จฯในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและจารึกเป็นประวัติศาสตร์ของโลก ผู้ที่เข้าชมจึงต้องอยู่ในความสำรวม แต่งกายสุภาพ ในช่วงบ่ายจะมีจุดบริการร่ม

ส่วนผู้พิการสามารถมีผู้ติดตามได้ 1 คน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าชมทุกกลุ่ม โดยอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ แต่ต้องเน้นสุภาพเหมาะสม เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยประชาชนที่เข้าชมต้องผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด เป็นไปตามระบบรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ และขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ รวมทั้งให้เคารพเวลาในการเข้าชมกำหนดรอบละ 45 นาที โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่จำกัดจำนวนรอบต่อวัน

“นอกจากนี้ ยังมีเวทีมหรสพด้านนอกฝั่งทิศเหนือจัดแสดงตั้งแต่ 18.00-24.00 น. และทุกวันเสาร์ อาทิตย์ จะมีแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดยเริ่มการแสดงครั้งแรกวันที่ 4 พ.ย. ตอนพระนารายณ์ปราบนนทก อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาจัดแสดงนิทรรศการวันที่ 30 พ.ย. และพบว่ามีประชาชนยังสนใจเข้าพระเมรุมาศ ผมจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและทำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตต่อไป” รองนายกฯ กล่าว

สำหรับเวทีมหรสพด้านนอกฝั่งทิศเหนือ จัดแสดง 2 ช่วง เวลา 18.00-19.30 น.และเวลา 20.00-22.00 น. โดยจัดการแสดงชุดต่างๆ เช่น การแสดงพื้นเมืองแต่ละภาค การแสดงละครในเรื่องอิเหนา เรื่องพระมหาชนก การแสดงเรื่องพระสุธนมโนราห์ ดนตรีสากล รวมถึงการแสดงชุดต่างๆ ในแต่ละวัน เช่น การแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค ลิเก และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 19.00-20.00 น. จัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม โดยเริ่มแสดงครั้งแรกวันที่ 4 พฤศจิกายน ตอนพระนารายณ์ปราบนนทก รวมทั้งประโคมดนตรีวันละ 10 วง บริเวณศาลาลูกขุนเวลา 08.00-17.00 น. ซึ่งจัดแสดงโดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และหน่วยงาน และศิลปินจากภาคต่างๆ

ส่วนการอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันจัดจุดบริการน้ำดื่ม รถสุขาเคลื่อนที่ ทีมแพทย์พยาบาลเพื่อให้บริการและดูแลประชาชนรอบสนามหลวง

ส่วนการเดินทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จัดรถโดยสารให้บริการฟรี จากจุดต่างๆ มายังท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. จำนวน 60 คันต่อวัน ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ 1.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2.สถานีรถไฟหัวลำโพง 3.วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ 4.สถานีขนส่งเอกมัย 5.สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และ 6.สถานีขนส่งหมอชิต ด้านกองทัพเรือให้บริการเดินเรือ ตั้งแต่ 06.00-22.00น. ที่ท่านิเวศน์วรดิฐ และท่าราชนาวิกสภา และได้ประสานกรมเจ้าท่าขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลาให้สอดคล้องกับการจัดนิทรรศการตั้งแต่ เวลา 05.00-22.30 น. นอกจากเปิดให้ชมนิทรรศการพระมรุมาศในท้องสนามหลวงแล้ว กระทรวงวัฒนธรรมยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมโรงราชรถและพระยานมาศ ซึ่งจัดแสดงราชรถ ราชยาน และพระยานมาศ อีกด้วย

ด.ญ.กนกลักษณ์ สุธีเรืองยุโชค อายุ 10 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนราชบพิตร กทม. เปิดเผยขณะชมนิทรรศการฉากบังเพลิงว่า “รู้สึกภูมิใจมากๆ ค่ะ ที่ได้มีโอกาสมาเห็นพระเมรุมาศในสถานที่จริง และยังได้จัดนิทรรศการเพื่อให้ความรู้ด้วย ส่วนตัวชอบวาดรูปเกี่ยวกับนาฏศิลป์ จึงรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ ที่ผ่านมาเห็นประชาชนได้มีส่วนร่วมในการวาดภาพฉากบังเพลิงด้วย หากมีโอกาสก็อยากมีส่วนร่วมในงานนี้ด้วย เพราะถือเป็นความภาคภูมิใจในชีวิต”

นายกานต์เดช ดีลี อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะโบราณคดี เอกประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่าวันนี้จะเปิดรอบทดสอบการเข้าชม จึงตั้งใจเดินทางมากับเพื่อนๆ เพราะตนเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ จึงอยากมาดูการจัดสร้างพระเมรุมาศ คติเกี่ยวกับเขาพระสุเมร ทำให้ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของศิลปะการช่างของไทย ทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมต่างๆ ที่แสดงออกมาได้ชัดเจนว่าศิลปะไทยคืออะไร ตอบโจทย์ที่อยากรู้ทุกอย่าง หลังจากนี้ก็จะพาครอบครัวมาชมด้วย

“พระเมรุมาศยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาก เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้มาร่วมในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ แต่ยังคิดถึงพระองค์ตลอด เหมือนเราสูญเสียบุคคลสำคัญที่สุดของประเทศ และสูญเสียพ่อของคนไทยทั้งแผ่นดิน ส่วนตัวได้น้อมนำเรื่องความอดทนและความพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต อย่างเช่นเวลาจะใช้จ่าย ต้องคิดก่อนว่าจำเป็นหรือไม่ และเป็นประโยชน์ต่อเรามากน้อยแค่ไหน” นายกานต์เดช กล่าว

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์